ชิมลางละคร “นางสาวไม่จำกัดนามสกุล” เปิดประตู สู่ถนนมายามา 1 เรื่อง ให้ได้ทำความรู้จักกับนักแสดงน้องใหม่“หมอเน๋ง-ศรัณย์ นราประเสริฐกุล” พ่วงด้วยตำแหน่งคุณหมอสัตวแพทย์ แม้จะผ่านผลงานละครมาเพียงแค่เรื่องเดียวแต่ด้วยความสามารถและออร่าความหล่อทำให้ล่าสุด “หมอเน๋ง” ได้รับความไว้วางใจและโอกาสจากทางผู้ใหญ่ขึ้นแท่นเป็นพระเอกเต็มตัวในละคร “ภาตุฆาต”ช่องวัน31 ที่กำลังออนแอร์อยู่ในขณะนี้ ซึ่งจากดีกรีความหล่อที่มากล้นไปด้วยความสามารถนี่เองทำให้ “หมอเน๋ง”ถูกจับตามองในฐานะว่าที่พระเอกน้องใหม่ไฟแรงโดยวันนี้“ทีมข่าวบันเทิงแนวหน้า” จะพาไปล้วงลึกถึงจุดเริ่มต้นการเข้าสู่วงการบันเทิง

จาก‘สัตวแพทย์’สู่ถนนสาย‘มายา’?

“เมื่อก่อนยอมรับว่าไม่ได้สนใจวงการบันเทิง ด้วยความที่เป็นเด็กสายวิทย์มาก่อน เรียนหมอมา เป็นคนไม่ค่อยแสดงอารมณ์เท่าไหร่ ด้วยอาชีพ ด้วยการเรียนใช้ตรรกะค่อนข้างเยอะ ก็เลยคิดว่าไม่น่าจะทำได้ จนมีคนรู้จักจากงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ก็มีคนชวนไปทำงานในวงการบันเทิง พอได้ไปลองแคสติ้งหลายๆ ครั้ง ก็รู้สึกว่าพอทำไปเรื่อยๆ มันก็พัฒนาขึ้น พัฒนามากขึ้น ฝึกฝนมากขึ้นก็อาจจะมีศักยภาพที่น่าจะพอทำได้ ด้วยโอกาสจากผู้ใหญ่ที่เห็นว่าผม พอจะทำได้
ก็ส่งไปเรียนการแสดง จนมั่นใจมากขึ้นที่จะลองทำงานสายนี้ ก็เลยรู้สึกว่าน่าจะลองสักตั้ง”

ตอนนี้ชอบงานแสดงหรือยัง?

“เน๋งเป็นคนที่ไม่ได้ชอบอะไรตั้งแต่แรก ต้องลองทำมันก่อนถึงจะรู้ว่า ตัวเองจะไปทางไหน แต่พอมา ถ่ายละครเรื่องแรก นางสาวไม่จำกัดนามสกุล ก็รู้สึกว่าสนุกด้วยบรรยากาศในกองที่เป็นกองแนวสนุกสนานด้วยคนเล่นก็สนุก เลยดูไม่เครียด พอได้ทำก็จะมีจุดที่รู้สึกว่าทำได้ รู้สึกสนุกขึ้น ได้เล่นกับมุมมองหลากหลายของคนบางคนบางทีเป็นอะไรที่ Non Sense มากๆ สำหรับตัวผมก็ต้องไปหาเหตุผลว่าทำไมตัวละครนั้นถึงคิดแบบนั้น”

ละคร “ภาตุฆาต” เป็นบทนำเต็มตัว?

“เรื่องนี้รูปแบบและมุมเปลี่ยนไปเลย ด้วยความที่คาแร็กเตอร์หนักขึ้น ไกลตัวเองมากขึ้น แทบจะไม่มีอะไรคล้ายตัวเน๋งเลย มีความเป็นทหาร ลูกเจ้า เป็นคุณหนูมันค่อนข้าง Contrast กับชีวิตจริงมาก ก็เลยรู้สึกว่าต้องทำการบ้านมากขึ้น ยิ่งเป็นทหารด้วย ที่เขาจะมีวิถีชีวิตอีกแบบที่ไม่เหมือนเราๆ ในการดำเนินชีวิตประจำวันเลย เป็นนักบิน ซึ่งการเป็นนักบินข้อมูลในอินเตอร์เนตจะน้อยมาก ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าหน้าที่ของนักบินมีอะไรบ้าง ต้องไปศึกษา ดูของต่างประเทศบ้าง ซึ่งมันจะไม่เหมือนกับไทยอีกก็ต้องไปถามจากคนที่เป็นนักบินว่าวันๆ เขาทำอะไรบ้างพอทำการบ้านศึกษาเยอะๆ ก็ทำให้ซึมซับและทำให้มันอินกับความเป็นทหาร ความเป็นนักบินไปด้วย” 

แบ่งพาร์ทการเป็น ‘เน๋ง’ และ ‘หมอเน๋ง’ยังไง?

“เน๋งว่ามันไม่ได้ต้องแยกกันขนาดนั้นนะ ด้วยทุกอาชีพเป้าหมายมัน ก็ไม่ต่างกัน คือทำหน้าที่ทุกอย่างให้ดี ในการเป็นคุณหมอก็จะเน้นความเป็นเหตุเป็นผลมากหน่อย การแสดงก็ต้องใช้อารมณ์  จินตนาการ การแสดง และความรู้สึก ก็ต้องจัดสัดส่วนให้ดีๆ ซึ่งการแสดงก็ต้องใช้ลอจิกด้วยเหมือนกัน เช่น เวลาที่เข้าไปเป็นตัวละคร ตัวละครก็มีการคิดเหมือนคนปกติ การเป็นหมอก็ต้องใช้อารมณ์เหมือนกัน เวลาที่คุยกับเจ้าของคนไข้ ก็ต้องมีการสนทนาที่ไม่ได้ตรงไปตรงมาขนาดนั้น ถ้าในกรณีที่สิ่งที่พูดจะทำให้เขาเสียใจ ก็ต้องมีการใช้คำพูด คำจา เน๋งว่ามันก็ค่อนข้างคล้ายๆ กัน เอาไปใช้ด้วยกันได้

ร่วมงานกับ ‘พี่แหม่ม’ เป็นอย่างไรบ้าง?

“ยอมรับว่า ไม่เกร็งเลยนะครับคือสำหรับพี่แหม่มเน๋งรู้สึกว่าแกเปิดกับเน๋งมาก เหมือนเป็นคุณแม่จริงๆ คืออายุผมกับพี่แหม่ม ก็ห่างกันเยอะ แต่ไม่ได้ว่าพี่แหม่มนะครับ(ยิ้ม) พี่แหม่มช่วยผมได้เยอะมาก ทุกๆ คำที่พูดด้วยความที่เล่นเป็นลูกเขาจะมีความเป็นแม่ซึ่งผมสัมผัสได้และรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นมาก แต่ตอนแรกกลัวมากคือผมเป็นนักแสดงใหม่ อาจจะยังไม่เก่ง ผมรู้ตัวอยู่แล้ว แต่ก็พยายาม คือจะทำไงให้ตัดความกังวลออกไป และเตือนตัวเองเสมอว่าเราจะทำให้คนอื่นเขาช้าหรือเปล่า หรือว่าทำให้คนอื่นเขาเหนื่อยหรือเปล่า เพราะต้องเล่นหลายเทคกว่าจะได้แต่ละซีนทุกฝ่ายต้องมารอผม ก็จะให้ผิดน้อยที่สุด มีสมาธิให้มาก โฟกัสกับสิ่งที่ต้องทำตรงหน้า ทั้งบท ทั้งกล้อง ต่อหน้าการแสดง แต่ว่าทุกคนน่ารักมาก เหมือนมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เล่นกับพี่แหม่มแล้ว เน๋งก็พูดผิดเล่นผิดยังไม่ได้ เน๋งก็ขอโทษพี่แหม่มซึ่งพี่แหม่มก็พูดมาคำนึงว่าไม่เป็นไรพี่เกิดมาเพื่อสิ่งนี้อยู่แล้ว คือเขาพร้อมที่จะช่วยสนับสนุนทุกอย่างให้คนรอบข้าง เพื่อจะเป็นผู้นำพาให้ทุกคน พี่เขาก็รู้ว่าผมเป็นนักแสดงใหม่ เขาไม่มีปัญหาอะไรเลยกับการที่จะต้องรอคนอื่น เล่นหลายครั้งเทคนั่นนี่ สุดยอดครับ ถือเป็นครู เป็นนักแสดงอีกคนที่ผมทำงานด้วยแล้วภูมิใจมากๆ”

การร่วมงานกับ ‘ตรี’?

“เจอกันครั้งแรกครับ ตรีเป็นรุ่นพี่ซึ่งเขาก็ประสบการณ์โชกโชนเหมือนกัน (หัวเราะ) เล่นมาเยอะตรีก็คอยสอนผมอย่างมากด้วย อย่างเรื่องเสียงพูด บ้างหรือว่าบางซีนที่อาจจะยังไม่เข้าใจก็มีปรึกษากันบ้างเพราะว่าตรีเขาก็เคยเล่นมาหลายเรื่องแล้ว จะอธิบายถึงความรู้สึกให้ผม เรื่องการตีความได้ดี ก็ปรึกษาเรื่องทางกล้อง ว่าจะมุมไหนดี จะอยู่จุดไหน เพราะเรื่องอะไรแบบที่ผมยังไม่เข้าใจ ผมว่าต้องให้คนที่มีประสบการณ์ช่วยแนะนำ

 ตรีเป็นคนที่ทำการบ้านเยอะมากส่งอารมณ์ได้ค่อนข้างดี บางซีนที่ผมรู้สึกว่ายังไปไม่ถึงตรงจุดนี้ ตรีก็บอกว่าเดี๋ยวส่งแรงให้กว่านี้เพื่อจะได้ช่วยๆ กันทำนองนี้
แล้วยิ่งทั้งคู่เข้าด้วยกันเยอะมาก ช่วงแรกที่เจอกันก็เกร็งเหมือนกันนะเพราะว่าก็ต้องทำความคุ้นเคยกันอยู่ ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน แต่โชคดีก่อนถ่ายก็มีเวิร์กช็อปกันบ่อยมากครับ เพราะว่าพี่ปุ๊ย (ผอูน) ก็กังวลเรื่องเน๋งเหมือนกันในฐานะเป็นนักแสดงใหม่เขาก็เลยให้เวิร์กช็อปเยอะมากก็เลยสนิทกันกับตรีอยู่ไม่น้อย”

ในเรื่องต้องมีถอดเสื้อโชว์สรีระ ห่วงเรื่องภาพลักษณ์ความเป็นคุณหมอไหม?

“เน๋งว่าคนดูทราบนะว่าอันนี้คือ ละคร ตรงไหนชีวิตจริงก็เป็นอีกคนนึง เน๋งว่าก็ไม่น่าจะมีผลอะไร คือคนอื่นอาจจะมองว่ามาเล่นละครหลอกลวงหรือเปล่า แต่เน๋งคิดว่าไม่หรอกครับ เพราะว่าละครก็เป็นสิ่งที่ทำให้คนมีความสุขอาชีพหมอก็เหมือนกัน คือรักษาน้องหมา ก็จริงแต่ว่าก็ต้องทำให้เจ้าของหรือว่าคุณพ่อคุณแม่ของน้องเขามีความสุขด้วย  จุดประสงค์มันคล้ายกันมาก”

วางแผนกับชีวิตไว้อย่างไรบ้าง?

“ตอนนี้ก็ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด เรื่องเป็นหมอก็ยังเป็นอยู่ ยังยึดมั่นว่าจะทำอาชีพนี้ตรงนี้ไว้อย่างน้อยอาทิตย์นึง ก็ต้องเข้าเวรที่โรงพยาบาล 1 วัน อีกวันหนึ่งก็จะไปดูแลกิจการเพราะว่าที่บ้านมีโรงพยาบาลสัตว์ ชื่อโรงพยาบาลสัตว์สุโขทัย อยู่ที่ถนนสุโขทัย ก็จะช่วยคุณแม่ เน๋งโตมาในคลินิกนี้เลยแต่ว่าพอโตขึ้น พอเรียนก็เล็งเห็นว่าจุดไหนในประเทศไทยที่ยังมีช่องทางที่จะทำให้สัตว์เลี้ยงมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นก็เลยเลือกที่จะมาเปิดฮาโตะ

เน๋งว่าก็น่าจะทำอย่างนี้ต่อไปนะครับ เพราะรู้สึกว่าการเป็นหมอเป็นความสุขของเรา ได้รักษาน้องหมาได้เห็นน้องเขาหายจากโรคก็เป็นความสุขของเราด้วย”

คลินิกสัตว์ที่ดูแลอยู่เป็นอย่างไงบ้าง?

“ก็ไม่เรียกว่าเป็นคลินิกซะทีเดียวนะครับ เรียกว่า wellness center เป็นศูนย์ยกระดับคุณภาพชีวิตสัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่ก็จะดูแลเรื่องการป้องกันโรค ป้องกันไว้ก่อนจะเกิดโรค แล้วก็มีสปาอาบน้ำรีแล็กซ์ผ่อนคลายให้กับน้องหมา ซึ่งตรงนั้นเป็นคอมมิวนิตี้สำหรับสัตว์เลี้ยงมีสนามหญ้า มีที่ให้น้องหมามาใช้วิ่งเล่นได้ แล้วเน๋งก็เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเขา คือไปทำเป็น wellness centerอยู่ในที่ของเขา ส่วนใหญ่ก็จะมีการรักษาโรคที่ไม่ร้ายแรงมาก เช่น โรคผิวหนัง โรคทางพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์”

ดูแลเองมากน้อยแค่ไหน?

“ส่วนใหญ่จะเป็นการบริหารจัดการมากกว่า คือก็ไม่ได้ว่างทุกวันที่จะเข้าไป ก็จะมีคุณหมอที่อยู่ประจำตำแหน่งของเน๋งจะบริหารจัดการแบบซื้อของเข้าโรงพยาบาลสั่งยา สั่งอุปกรณ์ หรือว่าทำพีอาร์ทำมาร์เก็ตติ้งครับ”

หมอจะถนัดรักษาแบบไหน?

“ก็รักษาหมาแมว อายุรกรรมทั่วไป คือก็จะชอบพวกสัตว์เลี้ยงมากกว่า แต่ตอนเรียนก็รักษาทุกอย่างแล้วก็ศึกษาด้วยตัวเองด้วย เพิ่มความรู้”

มองว่าเป็นธุรกิจที่ต่อยอดมาจากการเรียนหรือว่าเป็นวิชาชีพ?

“มองว่าเป็นวิชาชีพของเรานะครับ เพราะว่าถ้าเน๋งไม่ได้เป็นสัตวแพทย์เน๋งก็คงไม่ทำ เพราะรู้สึกว่ารู้เรื่องเกี่ยวกับการรักษาเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงมีความรู้ตรงนั้นก็เลยอยากเปิดเพื่อให้คุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยงในเมืองไทยดีขึ้น เพราะว่าในเมืองไทยจะสังเกตว่ามีน้องหมาจรจัดเยอะ มีคนที่เขารับเลี้ยง ก็พยายามจะทำก้าวเล็กๆ ก่อนคือ ให้สัตว์เลี้ยงมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นโดยการที่ทำโมเดลนึงขึ้นมาก็คือเป็น wellness center และก็ให้ความรู้ด้วยในอนาคตเน๋งคิดว่าน่าจะทำเป็นวีดีโอหรือว่าเป็นคลิปที่จะเอาความรู้ที่ไม่ได้เข้าใจยากมาเผยแพร่ให้กับคนที่เลี้ยงน้องหมาทุกคนเข้าใจ

ตอนนี้ก็กำลังเตรียมอยู่ครับ ซึ่งก็เรียนมาอยู่แล้วและก็ไปรีเซิร์จจากของฝรั่งเพิ่มคือ wellness centerที่เมืองนอกเขาค่อนข้างเป็นที่ที่มีทั่วไป ในอเมริกา อังกฤษคือมีเยอะทุกคนให้ความสนใจมากเพราะว่าที่นู่นเขาเลี้ยงสัตว์แบบจริงจังมาก ต้องไปลงทะเบียน ต้องเสียภาษี การเลี้ยงเขาจะเป็นระบบมาก คนที่เลี้ยงหมาเลี้ยงแมว
เลี้ยงสัตว์เขาจะค่อนข้างมีความรู้มากเพราะว่าเขาจริงจังจริงๆ เวลาจะเลี้ยงสัตว์อะไรเขาจะศึกษาเยอะเพราะว่ากฎหมายเข้มมาก

อย่างในเมืองไทยมองว่าไม่ว่าจะเลี้ยงในเชิงคุณธรรมหรือความชอบก็ตามอยากจะให้ทุกคนมีความรู้ที่มากขึ้นเกี่ยวกับน้องหมา เพราะว่าการที่เราเลี้ยงน้องหมาตัวนึงก็คือเขาก็เป็นสิ่งมีชีวิต เขาไม่ได้คิดอะไรเป็นเหมือนเราเขาทำอะไรเองไม่เป็นเราเป็นคนที่ให้ทุกอย่างกับเขาก็อยากให้ทุกคนมองว่าเราให้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขา”

สุดท้ายนี้อยากฝากบอกอะไรแฟนๆ ที่ติดตาม?

“ตอนนี้กำลังสวมหมวก 2 ใบ และอยากให้ฝากเชียร์กันด้วย เพราะกำลังทำหน้าที่ทั้ง 2 หน้าที่ อย่างเต็มที่ เลือกในทางที่จะเลือกเดิน และเลือกในทางที่อยากลองถือเป็นประสบการณ์ดีๆ ให้กับตัวเอง ทั้งงานละคร และงานอาชีพหมอ หรือใครจะไปส่องความเคลื่อนไหวของหมอได้ที่ IG : nengnn #หมอหล่อบอกต่อ ทั้งแฟนละคร และแฟนๆ ที่เลี้ยงน้องหมาต้องตามฟินกันแน่นอน”

บทสัมภาษณ์โดย : ยุทธนา นารี