จับมือกันนานมาย่างเข้าปีที่ 6 แล้ว สำหรับคู่ของนักร้องขวัญใจแฟนๆ ปิงปอง-ศิรศักดิ์ อิทธิพลพาณิชย์ และแฟนสาว พัดชา เอนกอายุวัฒน์ ที่เราจะได้เห็นโมเมนต์ความน่ารักๆ ของทั้งสองคนที่คอยอยู่เคียงข้างให้กำลังใจกันเสมอ ล่าสุด ทั้งคู่ได้จูงมือกันมาในรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 ซึ่ง พัดชา ได้เล่าในวันที่ชีวิตดิ่งสุดๆจนเกือบเป็นโรคซึมเศร้า แต่เพราะมี ปิงปอง อยู่เคียงข้างถึงผ่านมาได้ พร้อมอวดความหวานถึงความรัก พร้อมแย้มรอเพียงความพร้อมเราแต่งกันแน่นอน
ปิงปอง : จริงๆสำหรับผม ผมคิดนะเพราะงานแต่งงานมันสำคัญกับผู้หญิง เป็นความสำคัญสำหรับความรู้สึกเขา แล้วคือมันเป็นเรื่องของทางสังคมด้วย ครอบครัว พ่อแม่ ซึ่งเราต้องแคร์นะพอคบกันมาจุดหนึ่งเราค้นพบว่าแบบ ถ้าเราทั้งสองคนยังไม่แฮปปี้ในการแต่ง ก็ไม่ต้องแต่งก็ได้ ถ้าเราจะแต่งงานเพื่อให้เรามาทะเลาะกันเราจะจัดสรรเงินกันยังไง เรื่องผู้ใหญ่ยังไง เรื่องเสื้อผ้า การจัดงานยังไง คือถ้างานแต่งงานมันต้องทะเลาะกันรอก่อนก็ได้ไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้น คือ ถ้าพร้อมคือมันพร้อม
พัดชา : คือพัดเข้าใจในวงจรของชีวิตนะคะ วงจรของเราก็จะหมุนไป หน้าที่การงานของเราก็จะเติบโต เราเจอคนที่ใช่ ถนัดไปคือแต่งงาน มีครอบครัว แต่ว่าสำหรับพัดแล้วพัดรู้สึกว่า พัดไม่ได้อยากมีลูก แต่ถ้าวันหนึ่งมันแบบต้องมีก็ได้ เราพูดตรงนี้เลยว่าพี่ปอง เป็นพ่อที่ดีมาก แต่ว่าส่วนตัวของพัดเองไม่ได้อยากมีลูก เพราะฉะนั้นการรีบแต่งงานก็จะแบบลดความสุขลง ลดความสำคัญลงไปแล้วการแต่งงานของพัดมันเป็นเรื่องของทางสังคมจริงๆถ้าจะแต่งงานอยากจะแต่งเมื่อเราพร้อมจริงๆ พร้อมแบบเรามีที่อยู่ให้กันและกัน เราควรจะพร้อมจริงๆที่จะแบบสร้างครอบครัวขึ้นมาและเราต่างคนต่างดูแลครอบครัวได้ดี พัดรู้สึกว่าถ้าจะแต่ง เราอยากดูแลเขาได้
ถาม มีความรักดีให้กันขนาดนี้ แต่ พัดชา ก็เกือบเป็นโรคซึมเศร้า สิ่งที่เป็นปัญหาคือ ชื่อเสียงที่หายไป หรือ เรารู้สึกว่าไม่มีเพลงดัง หรือเรารู้สึกว่าเงินไม่พอ หรือมีเหตุผลอะไรที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ได้
พัดชา : โอ้วโห่ !! ทุกอย่างรวมกันเลยค่ะ เพราะเราคิดว่าเราเข้าใจโลกความเป็นจริงว่า พักขอยกแบบนี้ก่อน เงินสำคัญ คือ ทำอาชีพไหนก็หาเลี้ยงชีพได้ถูกไหมคะ แต่พอเราเพิ่มข้อแม้มาว่าเราอยากจะร้องเพลงเพื่อหาเงิน ข้อแม้ที่สองจะมาว่าเราจะต้องมีชื่อเสียงเพื่อให้มีงาน มีเงิน ทุกอย่างมันสำคัญ สัมพันธ์ กันหมดเราไม่รู้ว่าต้องแก้ปมตรงไหนก่อนดี
ถาม คิดว่าจะเลิกร้องเพลงเลยไหม
พัดชา : เกือบ .. อยู่เหมือนกันค่ะ เพราะว่าพัดเรียนจบดนตรีด้วย ความมั่นใจมันจะน้อยมากที่แบบ อ้าว ... กันทำงานตรงสาย แล้วเราจะไปเริ่มงานสายอื่นตอนอายุ 30 ปีกว่าๆแล้ว เราจะเอาอะไรไปรับรองเขาว่าฉันทำสิ่งนี้ให้ได้ มันก็จะยากนิดนึง มันก็จะเครียด บางทีก็รู้สึกว่าเลิกร้องเพลงเอาเวลาไปเรียนก่อน เพื่อเพิ่มความรู้ให้ตัวเอง แล้วเอาเวลาแล้วค่อยไปสมัครงาน
ถาม ซึ่งในวงการเพลงมันยากตรงที่ หลายๆครั้งไม่ได้ขึ้นอยู่กับเราด้วย มันขึ้นอยู่กับ จังหวะอะไรบางอย่าง แล้วก็หาเหตุผลไม่ได้ด้วยว่าเพลงนี้ทำไมดัง บางทีเนื้อเพลงประหลาดๆก็ดัง เพราะฉะนั้น บางทีอย่าง ปิงปอง พัดชา คนในวงการเพลง เราแบบทำถูกต้อง 1 2 3 4 ถูกต้องตามลำดับขั้นตอนทุกอย่างแต่ทำไมมันยังไม่ดัง ไม่มีเหตุผลเลย มันเลยแก้ยาก
พัดชา : ใช่ค่ะ เมื่อก่อนตอบคำถามบ่อยว่า อยากเป็นนักร้องต้องทำยังไงบ้าง พักบอกเสมอว่า การอยู่วงการนี้มีสามอย่าง อย่างที่หนึ่ง skill คือ คุณภาพ อย่างที่สองคือ คอนเนชั่น ถูกที่ถูกเวลา อย่างที่สามคือ ดวงเลยค่ะ
ถาม ซึ่งก่อนจะเกิดภาวะแบบนี้ เป็นแฟนกันมานานยังเอ่ย
พัดชา : นานแล้วค่ะ พัดเพื่งติ่งไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
ถาม ได้ปรึกษาหมอไหม
พัดชา : สรุปว่ายังไม่ต้องถึงขั้นตอนที่ต้องหาหมอค่ะ เพราะเราสามารถกู้ตัวเองขึ้นมาได้ก่อน โชคดีมากเลยนะคะ ที่เรามีแฟนเป็นพี่ปิงปอง ใครจะมานั่งดูเรากินข้าวแล้วนั่งร้องไห้ไปด้วยได้เป็นอาทิตย์ๆ เพราะเราส่วนใหญ่เรานั่งทานข้าวมื้อเย็นด้วยกันประจำ แล้วพี่ปิงไว้ใจเรา เข้าใจเรา ที่จะใจเย็นกับเรา เพราะบางทีคนอาจจะไม่เข้าใจก็ได้อะไรมากมาย ทำอะไรสักอย่างไหม ไม่ใจร้อนเลย แล้วก็เชื่อใจเรา มีบางวันที่เราไม่ไหวแล้ว เราปิดทุกอย่าง ปิดโซเชียล ไม่ไลน์คุยกับพี่ปองเลย เขาก็มั่นใจมากพอว่าพัดจะไม่ทำอะไรที่เป็นผลเสียให้กับตัวเอง แค่เรานอนคุยกับเพดานเฉยๆ เราสามารถนอนคุยกับเพดานได้เป็นวันๆเลยค่ะ ตอนนั้นเราคิดอยู่ในหัวตลอดเลยว่าเราอยากไปเรียนทำอาหาร ทำโน้นนี่ แต่ตอนนั้นมันเลือกไม่ได้ เพราะว่าภาวะตอนนั้น ทุกอย่างในหัวเรามันไม่มีอะไรเคลียร์เลย มันจะแบบ .. ถ้าเปรียบเป็นภาพคือทุกอย่างมันมัวๆ มันจะมีทุกอย่างเรียงกัน แต่เราไม่รู้ว่าเราจะเลือกอะไร เพราะทุกอย่างมันซ้อนกันไปกันมา แล้วคือ เรายังไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าตกลง เราต้องการอะไรกันแน่ รู้แค่ว่าตอนนี้เครียดมากเลย แล้วเศร้าจัง ตอนนั้นเราก็นอนอยู่กับตัวเอง แล้วก็ .. คิดว่าฉันควรทำอะไรบ้าง
พัดชา : แล้วสิ่งที่กู้ขึ้นมาได้ ก็เพราะการหาความรู้ว่าสภาวะซึมเศร้า คืออะไร เราตอนนั้นเรากลัวว่าเราจะเป็นมาก สรุปว่าถ้าเราเป็นเราจะเป็นยังไง ต้องหาหมอไหม เราแบบว่ากลัวมากในตอนนั้น เราก็เลยหาข้อมูล ที่เราเจอคือ การนอนมากไป หรือ ไม่นอนเลย กินมากไป หรือ ไม่กินเลย ซึ่งเราไม่กินเลย แล้วก็ไม่สามารถ คิดเป็นระบบได้เลย ไม่มีสมาธิ แต่สิ่งที่เรากู้ตัวเองขึ้นมาได้คือ เราทำทางกายภาพก่อนเลย ข้างในมันเละมาก จิตใจเราแย่มาก เราเลยทำข้างนอกมาก่อน ถึงเวลากินเรากิน ถึงเวลาตื่นเราตื่น เวลานอนมองเพดานก็ไม่ต้องหลับ แต่พอถึงเวลานอนต้องปิดไฟ พยายามนอนให้ได้ บางวันเรานอนได้ 2 ชั่วโมง เราก็บอกพี่ปอง ลุงวันนี้หนูนอนได้สองชั่วโมงหนู ดีใจมาก แล้วคือ ในชีวิตที่ผ่านมาเราเป็นคนนอนเก่งมากนอนแบบ 11 ชั่วโมงนอนตื่นสายมาก เพิ่งมาช่วงที่ผ่านมาอ่ะค่ะ ที่เรานอนไม่ได้เลย แล้วหลังจากนั้นเราก็พยายามค่อยๆดึงกิจวัตรจากภายนอกเข้ามา พยายามหาอะไรทำ ไม่เหลือสิ่งอื่นให้คิดเลย เช่น ถักตุ๊กตา เราก็ไม่คิดล่ะฉันเศร้า ฉันเครียด พอกิจวัตรมันดีขึ้นมันก็ทำให้สุขภาพจิตใจเราดีขึ้นด้วย
พัดชา : ต้องขอบคุณลุงมากๆที่ดูแลเราดี อดทนยอมเราทุกอย่าง เคยบอกเขาว่า ลุงอย่าทิ้งหนูนะ เพราะเขาคือคนที่ดีที่สุดของเราที่หาไม่ได้อีกแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี