งานหนังแอ๊กชั่นไซไฟ ผลงานเรื่องล่าสุดของ มิลล่า โจโววิช กับผู้กำกับ พอล แอนเดอร์สัน ที่จับคู่กันแจ้งเกิดจากในหนังชุด ผีชีวะ(Resident Evil) ที่ครั้งนี้หยิบเอาเกมส์ดังสุดฮิตมาสร้างขึ้นจอ และดึงเอาจา-พนม ยีรัมย์ มาเรียกแขก
“Monster Hunter” เล่าเรื่องของผู้กองสาวกับลูกน้องในหน่วยที่กำลังปฏิบัติภารกิจอยู่ดีๆ เกิดหลงเข้าไปสู่โลกคู่ขนานต้องเผชิญหน้ากับกองทัพสัตว์ประหลาดตัวร้ายกระหาย จนได้รับความช่วยเหลือจากนักล่าแห่งโลกยุคนั้น จนสุดท้ายต้องออกเดินทางกลางทะเลทราย ฝ่าดงสัตว์ประหลาดเพื่อหาทางกลับสู่โลกปัจจุบัน
“มิลล่า โจโววิช” มาพร้อมกับความสวยในแบบอึดถึกลุย ในแบบที่คุ้นตากันดีจนแทบจะถอดแบบมาแบบเป๊ะๆ จากในผีชีวะ (Resident Evil) จนดูเผินๆเป็นภาคต่อที่แวบจากการสู้กับ “ผีดิบซอมบี้” มาสู้กับ “สัตว์ประหลาด” จะต่างกันก็ตรงชุด จากชุดรัดรูปคุ้นตามาเป็นชุดทหารและชุดนักรบในแดนดิบๆ เถื่อนๆ รวมไปถึงวัยที่ดูสูงขึ้นจากในผีชีวะ (Resident Evil) เท่านั้น
“จา-พนม” มารับบทนำสำหรับชื่อ “โทนี่ จา” ในบทที่เด่น ดูเหมาะเข้ากับบุคลิกและลีลาท่าทาง ได้โชว์คิวบู๊ลีลาสวยเท่ออกมาในแบบเต็มที่ดูดิบๆ เถื่อนๆ ในแบบที่พอเชื่อได้ ไม่เหมือนในเรื่องอื่นๆ ที่ความรู้สึกแค่เป็นตัวเสริม นักแสดงสมทบ ดูต่ำต้อยด้อยค่า แต่กับเรื่องนี้คือใช่เลย ลีลาท่าทาง การจับอาวุธทั้งดาบ ธนูมือ อาวุธรอบๆ ตัวอื่นๆ รวมไปถึงการต่อสู้ด้วยมือเปล่าดูดีไปหมด นอกจากจะเด่นแล้ว “จา-พนม” ยังดูเข้าขารับ-ส่งบทกันได้ดีกับ “มิลล่า โจโววิช” เข้ากันได้ดีไม่ว่าจะเป็นคิวบู๊ ฉากพ่อแง่แม่งอน กระทบกระทั่งกันหรือฮาเฮเบาๆ สบายๆ
ที่สำคัญเวลา “มิลล่า” กับ “จา-พนม” สู้กันมันดูดิบเถื่อนดูรุนแรง ไม่อ่อนข้อให้แก่กันและกัน ดูเป็นนักรบในแดนเถื่อนทั้งคู่ ต่างกันแค่คนหนึ่งดูหนักแน่นอึดๆ แบบทหาร อีกคนลีลาพลิ้วไหว ดิบเถื่อนเหมือนนักรบในอีกยุคสมัย
ในเรื่องตัดปัญหา เรื่องภาษาของ “จา-พนม” ในแบบง่ายๆ ให้มีภาษาเฉพาะไปเลย สื่อกันแบบคนละภาษาพูดกันแบบไม่รู้เรื่อง มีเพียงแค่คำว่า “ช็อกโกแลต” เพียงคำเดียวสั้นๆ เท่านั้น แต่คนดูเข้าใจไปกับการสื่อสารของตัวละคร และหนังก็หาทางออกแบบดื้อๆ ทื่อๆ ง่ายๆ ให้มีตัวละครในยุคคู่ขนานที่ดูดีๆ ก็พูดภาษายุคเราได้ เพียงเพราะเคยมีคนหลุดมาแล้วมาสอนภาษาให้ เอากันง่ายๆ กำปั้นทุบดินแบบนี้
“Monster Hunter” ชัดเจนในการขาย “มิลล่า โจโววิช” กับ “จา-พนม”และผองสัตว์ประหลาด ทำให้นักแสดงคนอื่นๆ ทั้งหน่วยทหารของมิลล่าที่ดูฝรั้งฝรั่งหรือบรรดานักล่าของจาที่ออกแนวเอเชี้ยเอเชียที่ดูไม่เลว ทำท่าเหมือนจะมีอะไรๆ มาโชว์กลับถูกลดความเด่นลงไปโดยปริยาย
“พอล แอนเดอร์สัน” ผู้กำกับทำ Monster Hunter ออกมาดูสนุกสบายๆ เอาใจแฟนคลับหนังแอ๊กชั่นไซไฟแนวนี้ เว่อร์วังอลังการงานสร้าง ไม่ต้องเอาเหตุผลใดมาอ้างอิง สนุกไปกับการสู้ไปหนีไปของตัวละครหลักกับสัตว์ประหลาด ที่ชวนให้นึกถึงพวกเอเลี่ยนที่ยุคนี้ พ.ศ.นี้ คุ้นกันดีเนื้อเรื่องง่ายๆ เดาเรื่องไม่ยาก แทบไม่ต้องลุ้น ยิ่งสร้างมาจากเกมส์ฮิต คอยดูแค่ตัวละครหลักๆ ว่า ในแต่ละช่วงแต่ละด่านแต่ละตอนจะเอาตัวรอดได้อย่างไร เรียกได้ว่าเอามันส์อย่างเดียว จะว่าไปแล้ว “Monster Hunter” ยังเป็นงานที่ดูสนุกมากกว่า ผีชีวะ (Resident Evil) ภาคท้ายๆ ที่ออกทะเลไปไหนต่อไหนแบบกู่ไม่กลับ และไม่รู้ว่าเป็นเพราะร่วมสร้างกับ “โตโฮ”ของญี่ปุ่นหรือเป็นเพราะผูกพันกับหนังของ “โตโฮ” มาตั้งแต่เด็กๆ พอเห็นบรรดาทัพสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ๆ ในหนัง อารมณ์ความรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปดูหนังสัตว์ประหลาดยี่ห้อโตโฮขึ้นมาในทันที
“Monster Hunter” ดูสนุกในแบบของหนังที่พัฒนามาจากเกมฮิตซีจีสัตว์ประหลาดงานภาพของโลกคู่ขนาน ดูอลังการงานสร้างพอๆ กับการแสดงของสองดารานำ ทั้ง มิลล่า โจโววิช และ จา-พนม ดูกันแบบเพลินๆสบายๆ ไม่ต้องคิดอะไรมากและเป็นหนังอีกเรื่องที่ตัวอย่างหนังเล่าเรื่องในหนังเรียงไปตั้งแต่ต้นจนจบ ชัดๆ ตัวหนังแค่ขยายภาพจาก 2-3 นาที มาเป็นหนังยาว 90 นาทีมันส์ๆ เพลินๆ รับปีใหม่ในระดับ 6/10 คะแนน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี