เมื่อชีวิตมีขึ้นถึงจุดสุดขีด ย่อมต้องมีอุปสรรคตามมา สัปดาห์นี้ตามติดกันต่อจากสัปดาห์ก่อน (อาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม 2556) สำหรับเรื่องราวชีวิตของเซ็กซี่สตาร์ “ไก่” ดวงชีวัน โกมลเสน กับบทเรียนครั้งยิ่งใหญ่ เหตุใดเธอจึงหันมาเป็นคนเข้าทรง
เริ่มเบื่องานในวงการ
“เมื่อมาถึงวันหนึ่งเราเริ่มรู้สึกเบื่อ ไก่ไม่เคยได้นอนที่นอนเลยตั้งแต่เข้าวงการมา ต้องนอนในป่า กลางกองถ่าย ใช้ชีวิตรีบเร่งตลอด ยุคสมัยนั้นระบบการจัดการกองถ่ายมันไม่มีเหมือนสมัยนี้ เราต้องทำเองทั้งหมด ต้องแต่งหน้าเอว คอนทินิว ดูเรื่องเสื้อผ้าเอง ทำเองเกือบทุกอย่างมีคุณแม่มาช่วย บางวันเล่นหนังถึง 4 เรื่องโดดกองไปมา ซึ่งช่วงยุคนั้นหนังไทยบูมมากโดยเฉพาะแนวบู๊ แอ๊คชั่น สมัยนั้นไม่มีละคร เคเบิลเยอะแบบตอนนี้ เลยกลายเป็นว่าหนังกลางแปลงจะเป็นอะไรที่คนต่างจังหวัดดูกันมาก บางทีมีงานโชว์ตัวพ่วงมาด้วย ยอมรับว่าเหนื่อยมากจริง ๆ ”
ตัดสินใจแต่งงาน
“ช่วงนั้นเรามีโอกาสเล่นหนังคู่กับ รณ ฤทธิชัย ได้ไปออกงานโชว์ตัวคู่กันในงานสมาคมผู้สื่อข่างบันเทิง เลยทำให้ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นมีโอกาสคุยกัน ตอนนั้นเราบอกเขาว่า เราเบื่อ อยากไปอยู่เมืองนอกเขาถามว่าทำไมเพราะใครก็อยากมีโอกาสแบบเรา เขาให้คำปรึกษาคอยปลอบใจเป็นกำลังใจให้เรา จนวันหนึ่งเขาถามเราว่าแต่งงานกับพี่ไหม ที่เขากล้าถามเพราะเขาเองก็ไมได้เป็นนักแสดงอาชีพเป็น สส.เล่นการเมือง เราเองต้อนนั้นอายุ 24 ได้แล้ว ทำงานในวงการมาได้ 3-4 ปี มันเลยรู้สึกอิ่มตัว เพราะที่ผ่านมาทำงานถ่ายหนังหามรุ่งหามค่ำมาโดยตลอด ตอนที่เราประกาศบอกไปทุกคนในวงการช็อคหมด แม้แต่คุณแม่ ท่านตกใจมากเพราะมันกำลังต่อเนื่องเรากำลังดังสุดขีด อยู่ในช่วงที่กำลังสามารถตักตวงได้อีก เราตัดสินใจไปแล้วไม่รู้หรอกว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ผิด แต่ในความรู้สึกของเรา เหมือนต้องการหนีปัญหา ไม่อยากมีข่าวที่ไม่ดี ไม่อยากรับรู้อะไรอีก คิดว่าเราเหนื่อยมากอยากหยุด แล้วเรามีน้อง ๆ เป็นผู้หญิงเขาจะได้รู้ว่าชีวิตลูกผู้หญิงคือต้องแต่งงาน”
บทบาทเปลี่ยนไป
“เราแต่งงานกับคุณรณ เขาเป็นอิสลามด้วยต้องเดินทางไปอุบลราชธานีบ่อย หลังจากแต่งงานยังไม่งานเรื่อย ๆ แต่น้อยลง เพราะสมัยก่อนคนมักไม่ยอมรับเวลาดารามีแฟนต้องคอยปิด บทบาทที่ได้รับของเราก็เปลี่ยน เราไม่เลือกสามารถเล่นได้หมดแต่ขออย่างเดียวอย่าโป๊ ชุดว่ายน้ำไม่ใส่แล้ว เพราะที่ผ่านมามันออกเยอะมาก แม้กระทั่งโปสเตอร์ใบใหญ่ขนาดเท่าตัวเราเขายังส่งไปขายทั่วเอเชีย ที่เรารู้เพราะมีงานประกวดหนังเอเซียนมีนักแสดงจากหลายชาติ แล้วเขามาบอกว่าโปสเตอร์ของคุณขายอยู่นะที่ประเทศของผม ตอนนั้นเราก็ภูมิใจนะ”
ชีวิตคู่ล้มเหลว
“ช่วงชีวิตแต่งงานมันไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราคิด เราเองก็คงจะยังไม่พร้อมด้วย เพราะการแต่งงานต้องเสียสละอย่างสูง ครอบครัวต้องมาก่อน แต่เราก็ยังต้องทำงานต้องมีความรับผิดชอบอะไรอีกหลาย ๆ เรื่อง แล้วคุณรณช่วงหลังหนักไปทางเรื่องการเมืองแล้วช่วงนั้นเลือกตั้งบ่อยมาก ราวปี 2526 -27 ทำให้ต้องใช้เงินหมดไป ส่วนเราเองก็นำเงินไปลงทุนทำหนังด้วย กับคุณ ทรนง ศรีเชื้อ เรื่องแรก “สัตว์สงคราม” ปรากฏเจ๊งไม่เป็นท่าเลย ค่าใช้จ่ายโอเวอร์ เราเลยนำไปขายให้เสี่ยเจียง สหมงคลฯ แล้วตัดสายอีสานมา ช่วงที่เราเดินสายตอนนั้นออกรถวอลโว่ป้ายแดงมาใหม่ ก็ไปตกตกอ่างเก็บน้ำที่ชัยภูมิอีกรถพังยับเยิน คือไม่รู้ว่าเป็นเพราะเราอยู่ช่วงวัยเบญจเพศ อายุ 25 ด้วยหรือเปล่า แต่เราไม่เคยเชื่อเรื่องดวง คิดว่าประมาทเองไม่ตั้งสติให้ดี เราเลยเร่มหันไปเล่นละครทีทัศน์เรื่องแรก “เยื่อกิ่งไผ่” ของกนกวรรณ ด่านอุดม ทำให้เวลาไม่ค่อยมีให้กัน และเรารู้สึกเหนื่อย สุดท้ายเลยตัดสินใจแยกกันอยู่ แต่ไม่ถึงกับเลิกนะ ตอนอายุ 29 ใช้ชีวิตคู่กันจริง ๆ ราว 5 ปี สาเหตุที่เลิกกันจริง ๆ คงเพราะเราไม่มีลูก เพราะอย่างน้อยเราอยู่ด้วยกันมีความผูกพัน แต่สุดท้ายเขาก็ไปมีลูกกับน้องสาวเพื่อนเลยเป็นเหตุให้เราเลิก ตามหลักศาสนาเขาถ้าเมียหลวงมีลูกให้ไม่ได้ก็สามารถมีเมียได้อีก คือเราก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่มีทั้งที่ไม่ได้คุมอะไรเลย”
พบกับพ่อของลูก
“พอเลิกกับเขาเราก็มาเจอคนที่เป็นพ่อของลูก ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เล่นละครจักร ๆ วงศ์ ๆ ทางช่อง 3 กำลังสนุก เป็นของอาจารย์ไพจิตร ศุภวารี มีเรือง ยอดหญิงผู้ยิ่งใหญ่ และหลายเรื่อง ช่วงนั้นมีโอกาสได้ไปถ่ายละครที่เชียงใหม่เรื่อง “ทายาทสวรรค์” ในเรื่องมเหสีไม่มีลูกเขาไปตั้งเครื่องบูชาบววสรวงที่ กฤษฎาดอย เ มีการบวงสรวงในฉาก เราเลยคิดทะลึ่งๆเล่น ๆ ตอนนั้นอายุ 32 แล้ว ตอนนั้นเราพูดไปตามบทนะ แต่ในใจคิดว่าถ้าตรงนี้ศักดิ์สิทธิ์จริงขอให้เรามีลูก เพราะเรารู้สึกว่าเริ่มเหงาแล้ว ไม่มีอะไรเป็นสมบัติของตัวเองเลย เป็นเรื่องแปลกเรากลับมาเราได้ลูกสาวจริง ๆ แต่พ่อของน้องเราเลิกไปนะ เพราะเขาไม่คิดว่าจะมีน้อง เราเลี้ยงลูกของเรามาคนเดียว และคิดว่าตัวเองมีความสามารถขนาดเลี้ยงน้องมา 5 คนได้ แล้วลูกคนเดียวทำไมจะไม่ได้ เราไม่อยากให้ลูกเห็นภาพพ่อแม่มีปัญหากัน เลยแยกทางกันดีกว่าเด็กจะได้ไม่ต้องมารับรู้ ซึ่งตอนนี้ลูกสาวเราแต่งงานไปแล้วอยู่เขาใหญ่ทำรีสอร์ท ชื่อ “เขาใหญ่คาวบอยซิตี้รีสอร์ท” มีหลานชายด้วยน่ารักมากด้วย”
เป็นร่างทรงพระแม่จามเทวี
“เพราะลูกสาวคนนี้แหละตอนที่เราไปบวงสรวงขอตอนนั้น พอลูกสาวโตขึ้นอายุ 2-3 ขวบ ช่วงนั้นหันมาทำร้านคาราโอเกะ ซึ่งกำลังไปได้ดี ทำให้คิดอยากลองทำคาราโอเกะดูบ้าง เลยตัดสินใจไปคุยกับบริษัทหนึ่งเขารับซื้อแล้วเลยตัดสินใจไปทำเป็นเพลงของคุณสุรชัย สมบัติเจริญ วันที่เราไปถ่ายทำวันสุดท้ายเราฝันถึงผู้หญิงคนหนึ่ง เขามาบอกว่าเจ้ากำลังทำให้ลูกเราลำบาก เราจะมาเอาลูกเจ้าคืน เราตกใจนะในฝันเราบอกว่าอย่านะอย่าเอาไป คือท่านไม่ได้ดุนะยิ้ม ๆ หยอก ๆ เราเลยตกใจตื่นและมาคิดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใครเพราไม่เหมือนที่อนุเสาวรีย์ที่เราไปไหว้ เช้ามาเราเลยมาเล่าให้ทุกคนฟัง คือทุกคนคิดว่าคงไม่มีอะไร แต่คำว่าเจ้าจะทำให้ลูกเราลำบากปรากฏว่าพอกลับมาธุรกิจทุกอย่างเจ๊งหมด ร้านอาหารคาราโอเกะที่เคยขายได้กลับเหลือแค่วันละ 1-2 โต๊ะ ต้องเซ้งไป คาราโอเกะที่ทำมาสรุปเขายังไม่รับซื้อ แต่เราลงเงินไป 4-5 แสนแล้ว ตอนนั้นเรางงมากว่าเกิดอะไรขึ้น เลยนึกถึงคำพูดของผู้หญิงคนนั้น ช่วงนั้นเครียดมากถึงขึ้นอยากฆ่าตัวตาย เพราะหนี้สินเยอะ แต่พอเรามามองเห็นลูกเราทิ้งเขาไม่ได้ต้องอดทนต้องสู้ ช่วงนั้นเลยตัดสินใจไปบวชชีโกนหัว ทำให้เราได้สติเยอะ ได้นั่งสมาธิ สวดมนต์เลยได้สติคิดว่าที่เป็นเพราะแบบนี้นะ ทุกอย่างมีเกิดมีดับ มีได้มีเสีย ตอนนั้นเราเลยคิดว่าถ้าสึกออกมาแล้วขายคาราโอเกะชุดนี้ได้จะขึ้นเมืองเหนือ จะไปตามหาว่าท่านเป็นใคร ตอนนั้นเราคิดว่าท่านเป็นเจ้าดารารัศมี ปรากฏว่าพอสึกออกมาได้ 15 วัน ได้รับข่าวดี มีคนมาซื้อคาราโอเกะชุดนี้จริง ๆ ซื้อในราคาที่ดีพอสมควรพอมีเงินเหลือ เหมือนเราได้กุศลจากที่บวชมาด้วย เราเลยตัดสินใจไปเชียงใหม่ดูว่าใคร พอไปเจอเจ้าดารารัศมีก็ไม่ใช่จนหมดกำลังใจจะกลับ วันสุดท้ายแม่เลยชวนแวะที่ลำพูน มีพระนางจามเทวี เป็นผู้หญิงเก่ง แต่ต้องอดทน รบต่อสู้กับสิ่งต่าง ๆ ตอนนั้นเราเลยลองตัดสินใจแวะ เพราะสมัยนั้นไม่มีใครรู้จักท่านเลย พอไปถึงเราเลยไปเดินดูอนุสาวรีย์ของท่าน เป็นรูปท่านถือดาบ มือประทานพร คิดว่าผู้ญิงคนนี้สวยจังแต่ทำไมไม่มีใครรู้จักท่านเลย ท่านดูคม ออกแขก ๆ คล้ำ ๆจมูกโด่ง ตอนนั้นเราไปไหว้ท่านแล้วขอให้ท่านคุ้มครองช่วยไก่ด้วยนะ เพราะเราเป็นผู้หญิงที่ต้องต่อสู้เหมือนท่านแหละ พอเสร็จแล้วเราไปที่ร้านขายของพอถึงร้านเราเห็นรูปผู้หญิงคนหนึ่งเราตกใจร้องลั่นเลยบอกทุกคนนี่รูปใคร ๆ ผู้หญิงคนนี้แหละที่มาเข้าฝัน ที่ว่าจะทำให้ลุกของท่านลำบากหมายความว่า ลูกสาวไก่เป็นลูกท่านบริวารท่าน ตอนนั้นเราเลยตัดสินไม่กลับแล้วกรุงเทพต้องรู้เรื่องนี้ให้ได้”
ประทับทรงครั้งแรก
“ตอนนั้นมีคนแนะนำให้เราไปที่วัดจามเทวี วันที่ไปเป็นวันที่เขากำลังบวงสรวงพ่อปู่ก่ำงาเขียว ร่างทรง ซึ่งจริง ๆ เราไม่เชื่อ และไม่ชอบร่างทรงอะไรแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้ดูหมิ่นดูถูกเขานะคะ พอไก่จุดธูปไหว้เสร็จปรากฏว่ามีฝนตกปรอย ๆ ลงมา ทั้งที่แดดแรงมาก แล้วฝนก็เริ่มหนักขึ้นเราเลยเข้าไปในศาลาจริง ๆ ไม่อยากเข้าเพราะที่นั่นมีคนทรงอยู่ พอเข้าไปแค่ประตูสักพักนึ่งข้างนอกฝนเริ่มตกหนักพายุเข้า ลมแรงขนาดกระถางต้นไม้ปลิวไปหมดเลย สักพักหนึ่งมีลูกเห็บตกเป็นเกล็ดน้ำแข็ง คนไปเล่นกันเราก็ไปด้วยบอกน้ำแข็งจากสวรรค์ ตอนนั้นเราเดินทางไปกับเพื่อน ๆ คุณแม่ และลูกสาวเกือบ 10 คน เล่นไปสักพักหนึ่งปรากฎว่ามีเสียงลมวิ้วเข้ามามันพัดเข้าไปในหัวในหู ในสมองในใจจนเรากรี๊ด มีเสียงกรีดร้องในหูบอก “ทำไมไม่เชื่อ ๆ” ตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่าจะตายไหม เหมือนจะขาดใจเพราะเสียงดังมาก จนเราร้องว่าเชื่อแล้วกลัวแล้ว ตอนนั้นเรามีอาการทุรนทุรายมาก พอเราหันหน้าไปที่ประตูปรากฎว่าเจอองค์พระแม่ท่านตัวใหญ่มากเหมือนที่อนุเสารีย์ของท่าน ท่านถามเราว่าเป็นอะไรทำไมไม่เชื่อ ตอนนั้นเราร้องเลยว่าเชือ่แล้วกลัวแล้ว ท่านใช้ดาบชี้มาตรงหน้า นั่นคือวันที่ไก่โดนประทับองค์วันแรก ท่านเหมือนมาบังคับเราบอกให้นั่งดี ๆ ให้เรียบร้อยให้เรานั่งพับเพียบ แล้วยกมือบอกว่าเราคือพระนางจามเทวี แล้วไก่ก็ล้มตึงลงไปทุกคนตกใจกันหมด ตั้งแต่นั้นมาเราเลยรู้ว่านี่แหละคือการประทับทรง คือท่านต้องการให้เรามาช่วยเหลือคนอื่นเพราะเราวิบากกรรมมาก ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เราตกเกณฑ์อายุขัย 35-36 ตั้งแต่นั้นมาไก่เลยเป็นร่างทรงและคอยช่วยเหลือรับใช้ท่าน ส่วนใหญ่คนที่ไก่ช่วยจะเป็นคนที่มีปัญหาครอบครัว เพราะสายทางท่านจะเป็นผู้หญิงเก่ง พึ่งผู้ชายไม่ได้ ตอนนี้ไมได้ประทับทรงแล้วท่านใช้ผ่านญาณ ะจากวันนั้นถึงวันนี้ 20 ปีผ่านไปแล้ว”
ตอนนี้ทำอะไรบ้าง
“หลังจากนั้นไก่ได้มาเปิดโรงเรียนอนุบาลกับน้องสาวมาเป็นคุณครูใหญ่ ที่โรงเรียนประถมรักษ์ อยู่สามพราน นครปฐม ต่อมาได้แยกออกมาทำคาราโอเกะอยู่ใกล้ ๆ กัน ช่วงนั้นจะหายจากวงการไปเลยตั้งแต่ช่วงที่มีลูก เพราะเรารู้สึกเขาไม่มีพ่อนะเราควรจะอยู่ใกล้ชิดเขา หลังจากนั้นชีวิตก็ทำทุกอย่างไม่เกี่ยงงาน ทำออแกไนซ์ มีคนชวนไปทำละครเวทีแสงสีเสียง มาเล่นละครเวที แล้วได้มาเจอ อาฉี เสียงหล่อ ได้ชักชวนมาสอนการแสดงที่ศูนย์ฝึกอบรมการแสดง “อมินา” ในเครือ ธนัทเฮิร์บ และเฮิร์บทีวี และตอนนี้ได้ร่วมกันทำผลิตภัณฑ์สมุนไพรควบคุมน้ำหนัก “คื้อเฟ๋ย” และสมุนไพรเพิ่มสมรรถภาพเกี่ยวกับสุขภาพของท่านชายด้วย”
มองวงการบันเทิงตอนนี้
“พัฒนาขึ้นเยอะนะ มีระบบการจัดการที่ดีกว่าสมัยก่อน ค่าตัวก็ได้มากขึ้น ดารานักแสดงก็มากขึ้นตาม ซึ่งสมัยนี้จะมีพรสวรรค์ และดวงอย่างเดียวแบบเมือก่อนไม่ได้แล้วต้องอาศัยพรแสวงด้วย อย่างไก่มาสอนเด็ก ๆ จะให้ความรู้เขาสอนมารยาทในการเข้าวงการบันเทิง การวางตัว การเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ การกตัญญูกตเวที การตรงต่อเวลา ความรับผิดชอบในอาชีพ สิ่งเหล่านี้ต้องมี ที่สำคัญการรักษาชื่อเสียงเราต้องรู้จักซื่อสัตย์ต่อตัวเอง และคนดู ต้องยอมรับความจริงว่าช่วงเราดังต้องทำตัวอย่างไร ช่วงไหนเราต้องทำตัวอย่างไร ต้องรู้จักตัวเองให้มาก อย่าหลอกตัวเอง ซึ่งที่ผ่านมาพี่ต่อสู้ด้วยตัวเองโดยสุจริต ทั้งเหนื่อย ท้อ แต่ทุกอย่างเราผ่านไปได้เป็นอะไรที่พี่ภูมิใจนะ และเรื่องที่ภูมิใจอีกเรื่องช่วงที่ลูกสาวอายุ 16-17 ตอนนั้นลูกสาวอยากเป็นดาราเขาไม่รู้ว่าแม่เคยดังมาก่อน มีชื่อเสียง เพราะเราไม่เคยบอกแต่เวลาไปไหนมาไหนมีคนรู้จักจะมีคนถาม เราเลยบอกว่าเดี๋ยววันหลังก็รู้ ตอนหลังเขาไปเล่นคอมเล่นเน็ทไปเปิดเจอเลยตื่นเต้นแล้วคำว่า ดาวยั่ว ดาวโป๊ เซ็กซี่ ไม่ได้มีอยู่ในหัวสมองเขาเลย ผิดกับที่เราเคยคิด เขาบอกสมัยนี้แต่งมากกว่าเราอีก สิ่งที่เราคิดมันผิดกันไปเลย ลูกสาวบอกแม่รู้หรือเปล่าแม่สวยที่สุด แล้วแม่ก็ไมได้ทำอะไรเสียหายสมัยก่อนอย่างนี้เหรอโป๊ สมัยนี้ยิ่งกว่าอีก”
แง่คิดในการใช้ชีวิต
“เราล้มลุกคลุกคลานมาตลอด ทำธุรกิจหลายอย่างแต่ เนื่องจากเป็นคนที่ใจเร็ว เชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไป ทำโดยไม่สนใจว่าอะไรจะเกิดขึ้น เลยทำให้ล้มเหลวมาหลายอย่าง แต่เรามาได้สติตอนมีลูก คนเราทำอะไรต้องใช้สติคิดไตร่ตรองให้มาก ๆ ก่อนที่จะไปรับปากอะไรกับใคร อย่ารีบร้อน อย่าตัดสินใจไว การไม่มีสติทำให้ทุกอย่างพังหมด เหมือนครั้งแรกที่แต่งงานนั่นก็ไม่มีสติ เพราะจริงๆก็ยังไม่สมควรที่จะต้องแต่ง เพราะถ้าเลือกที่จะทำงานต่อก็ยังไม่มีใครลดเราลงได้ ยังไม่ค่อยมีดาราเกิดใหม่มาทางแนวเรา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นถือเป็นบทเรียน ที่ผ่านมาแม้จะไม่สมหวัง มันเฟลแต่ไม่ถือว่าผิดพลาด ชีวิตเราคงถูกกำหนดมาแบบนี้ เพราะถ้าเราคิดว่ามันคือความผิดพลาดเราจะไม่มีกำลังใจที่จะไปต่อข้างหน้าเลย เราเองตอนนี้เข้มแข็งอยู่ตลอดและมองไปข้างหน้า”
ฝากถึงแฟน ๆ
ต้องขอขอบคุณน้อง ๆ และทุกคนที่ยังคอยติดตามและ ตั้งเป็นแฟนคลับไก่ โดยที่มีลูกสาวของไก่เป็นแกนนำซึ่งเราก็ยังต้องการเป็นที่พบเห็นของคน เรายังติ้ดอยู่ในหัวใจของเขาตลอด ถ้าไก่มีโอกาสสร้างอะไรเพื่อวงการบันเทิงอยากทำ ขอขอบคุณฯทุกคนมากค่ะ
ติดต่อ ศูนย์ฝึกอบรมการแสดง อนิมา อาคาร ริเวอร์ วิว เพลส พระราม 3 ซอย 46 โทร.02-683-3854, 092-060-8903
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี