ออกสตาร์ทไม่กี่ตอนความสนุก เนื้อหาเข้มข้นชวนติดตามจัดเต็ม สำหรับละคร “รถรางเที่ยวสุดท้าย” ผลิตโดย ไทยพีบีเอส (ThaiPBS) ร่วมกับ บริษัท สตาร์ฟีนิกซ์ (ประเทศไทย) จำกัดบทประพันธ์/บทโทรทัศน์โดย สมเกียรติ์วิทุรานิช และกำกับโดยผู้กำกับฝีมือดี จีรภา ระวังการณ์ซึ่งได้เสียงตอบรับจากแฟนผู้ชมเป็นอย่างดี ในละครเรื่องนี้ด้วยสองนักแสดงชั้นครูอย่าง อาหนิง-นิรุตติ์ ศิริจรรยา กับบท “อารักษ์” และ อาหมู-สมภพ เบญจาธิกุล กับบท “บริพัตร” ที่ทั้งสองเป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่วัยเรียน จนกระทั่งเรียนจบและแยกย้ายกันไป กลับมาเจอกันอีกครั้งก็ล่วงเลยไปกว่า 40 ปีแล้ว แต่ความเป็นเพื่อนก็ยังไม่จางหาย และผุดขึ้นอีกครั้ง!!!
โดย “อาหนิง” เผยถึงคาแร็กเตอร์ “อารักษ์”พร้อมอยากให้ทุกวัยได้ดู “รถรางเที่ยวสุดท้าย” ว่า
“อารักษ์ เป็นผู้ชายมีอายุคนหนึ่ง แล้วก็มีครอบครัว มีร้านอาหาร และมีเรื่องในอดีตที่มันเกิดเมื่อ 40 ปีก่อน มีลูกชายที่ไม่ค่อยเอาไหน เหมือนพ่อกับลูกที่ไม่ค่อยลงรอยกัน ซึ่งมันก็จะเป็นคติธรรมที่สอนว่ามนุษย์เราเมื่ออยู่ใกล้ชิดกับใครบางทีก็มักจะมองไม่เห็นความดีของเขา แม้แต่ลูกที่ดูแลเรา คนใกล้ชิดเรา หรือแม้แต่พ่อกับแม่ ซึ่งเรื่องนี้เหมือนจะสอนว่าวันหนึ่งเราจะนึกได้ว่าสิ่งที่เราทำลงไปมันถูกหรือไม่ ละครเรื่องนี้มีหลายมุมมอง ที่ต้องติดตามชมด้วยเรื่องวัฒนธรรมของอาหารไทย วัฒนธรรมของความเป็นเพื่อน ซึ่งห่างกันไปแล้วก็ยังดูแลกันอยู่ แล้วเราก็ไปเจอเด็กหนุ่มรุ่นใหม่ที่เขาสนใจในสิ่งที่เรามีอยู่ แต่ลูกเราที่เขาอยู่กับเรา เขากลับไม่สนใจสิ่งที่เรามี นั่นเป็นการสะท้อนสังคมในยุคปัจจุบัน ที่บางคนหนีห่างจากสังคมที่เรามีร่วมกัน แต่คนข้างนอกที่เขาไม่มี เขากลับอยากที่จะเข้ามาอยู่ร่วมกับสิ่งที่เรามี นั่นคือความแตกต่างของสังคมในปัจจุบัน สมัยก่อนลูกก็จะทำตามสิ่งที่พ่อแม่ปู่ย่าตายายพาทำ แต่เดี๋ยวนี้จะฉีกออกไปแล้วไปทำอย่างอื่น เนื่องจากยุคของสังคมใหม่และโซเชียลใหม่ ที่มีแต่คนที่ตามกัน อยากจะเป็นกระแสแล้วก็ทำตาม ซึ่งตัวเองอาจจะมีพรสวรรค์อะไรที่ดีกว่าแต่ไม่ถูกนำเอามาใช้ ไม่เคยถูกคิดไม่เคยถูกนำมาใช้มันก็จะหายไป อยากบอกว่าเป็นละครที่ดี ที่ผมอยากจะฝากละครเรื่องนี้ให้ติดตามกันด้วยครับ”
ด้าน “อาหมู” พูดถึงคาแร็กเตอร์ “บริพัตร” ว่า“บริพัตร เป็นคนที่มองโลกในแง่ดี มองคนอื่นในแง่ดีแล้วเข้าใจวิธีการคิดของคนรุ่นใหม่ จริงๆ ผมกับตัวละคร บริพัตร เหมือนชีวิตจริงของผม คล้ายกันตรงที่ว่าเป็นคนที่ไม่ยึดติดกับอะไรมากมาย มองโลกในแง่ดีมองคนอื่นในแง่ดี ก็ตามอายุของชีวิตจริงนะ สิ่งที่คนดูจะได้จากละครเรื่องนี้ ถ้าดูตามแล้วคิด นอกจากความบันเทิงแล้วจะได้ข้อคิดที่เรียกว่า ชีวิตแต่ละคน อย่าเอาแต่ความตั้งใจของตัวเองมาเป็นที่ตั้งเหมือนกับ อารักษ์ (หนิง-นิรุตต์) ที่เขาเอาความตั้งใจของตัวเอง เอาประสบการณ์ของตัวเอง จนไม่ไว้ใจใครไม่ยอมใคร จริงๆ ต้องให้เขาเรียนรู้และแก้ปัญหาเอง เมื่อเขาแก้ไม่ได้เราถึงจะเข้าไปช่วย
ละครเรื่องนี้จะสะท้อนให้เห็นว่าคนยุคใหม่กับยุคเก่าสามารถจะเข้ากันได้ อย่าง บริพัตร คุยกับ ภราดร (ปอนด์-พลวิชญ์) ที่เราคุยกันได้ ก็เพราะว่าเรายอมรับฟังเขา แล้วในเรื่องนี้สอนหมดเลย ถ้าเราไม่รับฟังเขาก็เหมือนอยู่กันคนละโลก ละครเรื่องนี้ให้ข้อคิดและคติดีมาก เป็นเรื่องของชีวิตจริงของคนปัจจุบัน ถึงจะเป็นคนละรุ่น แต่ถ้าเราต่างรับฟังกันเข้าใจกัน อาจจะผิดจะถูกแต่รับฟังกัน มันถึงจะไปด้วยกันได้ แต่ถ้าพูดแล้วเขาไม่รับฟังออกคำสั่งอย่างเดียวมันก็ไปกันไม่ได้ครับ” ติดตามรับชมละคร “รถรางเที่ยวสุดท้าย” ทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เวลา 20.30 น. ทางไทยพีบีเอส ช่องหมายเลข 3 และยังสามารถติดตามชมอีกครั้งได้ที่ www.VIPA.meพร้อมทั้งสามารถติดตามไทยพีบีเอสทุกช่องทางออนไลน์ ได้ที่ ■ Social Media Thai PBS :Facebook, YouTube, X (Twitter), LINE, TikTok, Instagram ■ Website : www.thaipbs.or.th ■ Application : Thai PBS
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี