'แสตมป์'เล่าเหตุหายหน้าไป2ปี ภรรยาถูกคุกคามหนัก พ่อคู่กรณียศนายพลขู่ยัดคดีการเมือง (คลิป)

'แสตมป์'เล่าเหตุหายหน้าไป2ปี ภรรยาถูกคุกคามหนัก พ่อคู่กรณียศนายพลขู่ยัดคดีการเมือง (คลิป)

วันเสาร์ ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2568, 08.09 น.

18 มกราคม 2568 จากกรณีที่เมื่อช่วงปลายปีที่แล้วนักร้องหนุ่ม 'แสตมป์' อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข โพสต์ข้อความปริศนาที่ทำเอาหลายคนสงสัยหมายถึงใคร โดยรุะบุว่า วงดนตรีวงหนึ่ง SUPPORT โจร ไม่มีคุณธรรม ทำเอาชาวเน็ตต่างเข้ามาแห่สงสัยแห่สอบถามวงไหน พร้อมทั้งให้กำลังใจนักร้องหนุ่ม 

หลังจากที่นักร้องคนดังหายหน้าหายตาไปพักใหญ่เกือบ 2 ปี ล่าสุด 'แสตมป์ อภิวัชร์' ได้มาเล่นคอนเสิร์ต Wednesday Song ที่โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ ช่วงหนึ่งเจ้าตัวออกมาเปิดใจถึงสาเหตุที่หายหน้าไปจากวงการดนตรี โดยมีเจ้าของช่องยูทูบชื่อ SarutaTa บันทึกคลิปวิดีโอมาให้รับชม ดังนี้..


"ขอบคุณทุกคนที่ยังจำผมได้อยู่นะครับ ผมขอเล่าเรื่องบางเรื่อง ซึ่งมันจะปกป้องชีวิตคนในครอบครัวผมได้ แล้วผมเอามันออกมาสู่แสงสว่าง เพราะว่าภรรยาผมถูกโจมตีในที่มืดมานานเกินไปแล้ว ผมหายไปเพื่อฟ้องร้องคน 2 คน ที่บุกมาถ่ายคลิปแบล็กเมลภรรยาผมหลังเวที

มันเริ่มจากมีคนคนนึงสร้างสถานการณ์ ทำให้เกิดความเกลียดชัง สร้างความเข้าใจผิดให้กับภรรยาผมในวงการเพลง ทั้ง ๆ ที่เขาไม่รู้จักส่วนตัวกับภรรยาผมมาก่อน แล้วก็มีคนเชื่อถึงขั้นมาโพสต์ด่าโจมตี บุกรุกมาหลังเวที จนผมทำงานไม่ได้ คน ๆ นี้ โผล่หน้ามาให้ภรรยาผมรำคาญใจมาเป็น 10 ปีแล้ว ทั้งที่ไม่รู้จักกัน

แต่เรื่องมันร้ายแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในปี 2565 มีตัวละครเพิ่มขึ้นมาซึ่งคือแฟนหนุ่มของเขา ซึ่งทำงานอยู่ในวงดนตรีวงหนึ่ง ทำให้ฝ่ายหญิงมีป้ายให้คอที่จะบุกรุกเข้ามาหลังเวที

ในช่วงปี 2565 ขณะที่ผมเล่นดนตรีบนเวที 2 คนนี้จะแวะมาโฉบผ่านหน้าภรรยาผม บางครั้งก็สร้างสถานการณ์มานั่งร้องไห้ใกล้ ๆ ภรรยาผม ซึ่งภรรยาผมก็ไม่รู้มันคืออะไร แต่เธอก็ไม่อยากมีเรื่อง ไม่อยากให้ผมเป็นข่าว เธอใช้วิธีการหลบเลี่ยงเอา ภรรยาผมบอกกับผู้จัดการว่า ขอไม่รับงานร่วมกับวงดนตรีวงนี้ไปก่อน คิดว่าจะจบได้โดยไม่มีการปะทะกัน

จนวันที่ 26 ก.พ. 2566 มีงานคอนเสิร์ตที่ เดอะสตรีท รัชดา เราทราบไม่กินวันก่อนหน้าว่า เราต้องเล่นกับวงดนตรีวงนี้ เราแคนเซิลไม่ทัน เมื่อไปถึงพบว่าคู่กรณีทั้ง 2 คน มาดักหน้าห้องพักศิลปิน พอเห็นภรรยาผมทั้งสองพุ่งเข้ามาหาภรรยาผม พูดจากล่าวหาใส่และมีคนอัดคลิปวิดีโอไว้ แล้วไปบอกคนในวงการเพลงว่า บังเอิญเจอภรรยาผมหลังเวที แล้วหาว่าภรรยาผมไปคุกคามเขาโดยไม่มีสาเหตุ จากนั้นเราเริ่มใช้การ์ดมาดูแลความปลอดภัย คอยลาดตระเวนก่อนคอนเสิร์ตเริ่มว่ามี 2 คนนี้มาไหม

ผ่านไปไม่นานทั้ง 2 คนย้ายไปทำงานกับอีกวงดนตรีหนึ่ง ตนก็ติดต่อไปหาหัวหน้าวงนั้นว่า ขอไม่รับงานร่วมกัน เพื่อความปลอดภัย ไม่อยากปะทะ ไม่อยากเป็นข่าว ก็คิดว่าจะจบได้ดี จนวันที่ 21 ต.ค. 2566 ที่ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี ก็ไปเจอกับหญิงคนเดิมนี้ที่รออยู่ ภรรยาเลยพาผมเบี่ยงตัวออกไปหลบในห้องพักนักดนตรี จนพอผมเตรียมขึ้นแสดง เปิดประตูมาเจอหญิงคนนี้ชูมือถือถ่ายอยู่หน้าห้อง แล้วไปโพสต์ในโซเชียลว่าภรรยาผมไปคุกคามเขาเช่นเดิม

28 ต.ค. 2566 ทั้ง 2 คนนี้ไปนั่งดักรอเจ้าของค่ายเพลง ค่ายใหญ่ที่สุดค่ายหนึ่งในประเทศ ทั้งที่ไม่รู้จักกัน แล้วไปร้องไห้ฟ้องว่าถูกคุกคามโดยภรรยาผม ผู้ใหญ่ท่านนั้นรับฟังให้คำปรึกษา ก่อนติดต่อมาหาผมเพื่อฟังความอีกข้าง ผมจึงเล่าความจริงไป จนในปีที่ผ่านมาผู้ใหญ่ท่านนั้น ยอมไปขึ้นศาลเพื่อเป็นพยานให้ว่า 2 คนนี้ทำลายชื่อเสียงภรรยาผม

ผมตัดสินใจโทรหานักร้องนำวงนี้ ที่เขาสังกัดอยู่ ขอโทษที่ร่วมงานกันไม่ได้ตราบใดที่ 2 คนนั้นยังอยู่กับคุณ เราทำงานไม่ได้จริง ๆ ตลอดการสนทนา ก็แน่ใจได้ว่านักร้องท่านนี้อัดเสียงผมอยู่ตลอด นั่นแปลว่า 2 คนนั้นไปบลัฟไว้ก่อนแล้ว ว่าภรรยาผมไปคุกคามเขาและเขาเชื่อ แต่ภรรยาผมจะไปคุกคามเขาก่อนได้อย่างไร เมื่อทุกครั้งที่เกิดเหตุ มันเกิดที่หน้าห้องพักศิลปินของผม

ในเมื่อภรรยาผมไม่ปลอดภัย และไม่มีใครช่วยเราได้ ผมจึงต้องไปพึ่งศาล ไม่เช่นนั้น 2 คนนี้จะไปวาดภาพว่าภรรยาผมไปทำอะไรก็ได้ แต่เรื่องที่น่ากลัวที่สุดของครอบครัวผมก็เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนนี้ครับ

ระหว่างที่ไปศาลกัน พ่อของจำเลยท่านหนึ่ง เป็นทหารยศนายพลจาก พิษณุโลก มาขึ้นศาลแทนลูกของเขา พร้อมบอกว่าขอให้ผมกับภรรยาถอนฟ้องลูกของเขาซะ ไม่เช่นนั้นผมจะโดนยัดคดีทางการเมือง นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นในศาล

ขณะที่นอกศาล นายพลท่านนี้เคยขับรถไปบ้านแม่ของผม บอกว่าเป็นแฟนคลับเอาของมาให้ แล้วถ่ายรูปแม่ผมเก็บไว้ ส่วนภรรยาของนายพลแฝงตัวเข้าไปในกรุ๊ป Open Chat แฟนคลับ เพื่อสืบว่าไปเล่นคอนเสิร์ตที่ไหน แล้วแฝงตัวเข้าไปดูคอนเสิร์ต พยายามแสดงตัวให้เห็นว่าจับตาดูอยู่ตลอด จนผมตัดสินใจปิด Open Chat

แต่คู่กรณียังคงตามติดตลอดทั้ง หน้าโรงแรมที่เราพัก ปั๊มน้ำมันที่เราเข้า หนักที่สุดเคยมานั่งข้าง ๆ ผมบนเครื่องบิน ระหว่างที่ทำการฟ้องร้อง ผมลองตรวจสอบดู พบว่ามีการล็อกที่นั่งไว้จริง ๆ จากเพื่อนของเขาสมัยมหาวิทยาลัย ที่ทำงานสายการบินนั้น หลังจากนั้นผมไม่รับงานที่ไหนๆ ที่ต้องเดินทางด้วยเครื่องบินอีกเลย และขอไม่รับงานใด ๆ อีกจนกว่าศาลจะคุ้มครองเรา

วันที่ 30 พ.ค. 2567 เราชนะคดีได้ ด้วยการที่จำเลยรับสารภาพเอง ตอนนั้นเขาจำนนต่อหลักฐานในชั้นสืบพยาน มีการยกมือไหว้ภรรยาผม ขอโทษสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา และจะไม่ยุ่งกับภรรยาผมอีก แต่พอผ่านมา 2 สัปดาห์ เขาก็มาโพสต์ด่าภรรยาผมเหมือนเดิม

ผมเลยบอกว่าไม่อยากให้มายุ่งแล้ว ช่วยทำตามคำสั่งศาลด้วย ไม่เช่นนั้นจะเอาเรื่องอย่างเด็ดขาด และเอาข้อมูลทั้งหมดมาเปิดเผย ทั้งชื่อวงดนตรีที่จำเลยทำงานอยู่ รวมไปถึงชื่อนายพลด้วย"

โดยหลังจากที่คลิปนี้เผยแพร่ออกไปนั้น ได้มีชาว X (ทวิตเตอร์) ได้ติดแฮชแท็ก #แสตมป์อภิวัชร์ หลังจากนั้นได้มีคนเข้ามาโควทพร้อมแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังไปตามหาคู่กรณีของ 'แสตมป์ อภิวัชร์'กันเป็นจำนวนมากอีกด้วย 

ขอบคุณคลิปจาก : SarutaTa

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top