วันจันทร์ ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / บันเทิง
คุยเรื่องหนัง ฟังเรื่องเล่าของ ‘แดนนี - ไมเคิล ฟิลิปโป’ ผกก. แฝดเจน Z  'BRING HER BACK'

คุยเรื่องหนัง ฟังเรื่องเล่าของ ‘แดนนี - ไมเคิล ฟิลิปโป’ ผกก. แฝดเจน Z 'BRING HER BACK'

วันจันทร์ ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 12.53 น.
Tag :
  •  

หลังจากความสำเร็จของภาพยนตร์แจ้งเกิดยอดนิยมของพวกเขาเรื่อง Talk to Me สองพี่น้องชาวออสซี แดนนีและไมเคิล ฟิลิปโป กลับมาพร้อมกับผลงานสุดระทึกเรื่องล่าสุดของพวกเขา Bring Her Back ในภาพยนตร์เรื่องนี้ แอนดี้ (บิลลี บาร์แร็ทท์) เด็กหนุ่มผู้ถูกปัญหารุมเร้า และไปเปอร์ (โซรา หว่อง) น้องสาวที่มีความบกพร่องด้านสายตาของเขา ได้พบบ้านใหม่ที่ต้อนรับพวกเขาในตอนที่พวกเขาถูกรับอุปการะโดยลอรา (แซลลี ฮอว์กินส์ นักแสดงผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงสองรางวัลออสการ์) แม่บุญธรรมคนใหม่นิสัยพิลึก แต่ดูเหมือนจะใจดีของพวกเขา แต่ไม่นานนัก ทั้งสองคนก็ได้ค้นพบว่า มีอะไรบางอย่างมากกว่าที่ตาเห็น เกี่ยวกับลอราและเด็กกำพร้าที่อยู่ในความดูแลของเธอ (โจนาห์ เรน ฟิลลิปส์) หญิงสาวคนนี้ยังคงโศกเศร้ากับการสูญเสียลูกสาวสุดที่รัก และแอบซ่อนความลับบิดเบี้ยว ที่สั่นคลอนจิตใจมากกว่าที่แอนดี้หรือไปเปอร์จะคาดถึง

สองพี่น้องฝาแฝดแดนนีและไมเคิล ฟิลิปโปเริ่มต้นทางยูทูบด้วยซีรีส์คลิปสั้นที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงทางแชนแนล RackaRacka ที่แปลกประหลาดของพวกเขา การขยับสู่งานภาพยนตร์ของพวกเขา ซึ่งเริ่มต้นจากการเปิดตัวในเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ปี 2023 ของ Talk to Me ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในภาพยนตร์อินดีสยองขวัญยอดเยี่ยมในรอบหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา ได้สร้างแฟนๆ กลุ่มใหม่ให้กับพวกเขา เราได้เจอกับแดนนีและไมเคิลระหว่างการเดินทางเพื่อประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของพวกเขาในกรุงลอนดอน ที่ซึ่งพวกเขาได้พูดคุยถึงการสร้าง Bring Her Back และแนวทางของพวกเขาในการสร้างภาพยนตร์ที่เข้มข้นที่สุดเรื่องหนึ่งที่ปรากฏอยู่บนจอเงินในปัจจุบัน บทสนทนาของเราถูกตัดต่อเพื่อความกระชับและชัดเจน


แรงบันดาลใจแรกเริ่มสำหรับ Bring Her Back คืออะไร

แดนนี:   น้องสาวของเพื่อนเราเป็นคนที่มองไม่เห็นครับ และเธอก็อยากจะขึ้นรถเมล์เองเป็นครั้งแรก แต่ครอบครัวเธอคัดค้าน เพราะพวกเขากลัว แต่เธอพยายามบอกพวกเขาว่าเธอจะต้องเรียนรู้การใช้ชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ด้วยตัวเอง นั่นเป็นที่มาแรกของแรงบันดาลใจสำหรับ Bring Her Back ครับ เราคุยกับเธอบ่อยครั้งระหว่างเขียนบทหนังเรื่องนี้...มีตอนหนึ่ง ผมถามเธอว่าเธอเคยรู้สึกไหมว่าเธอขาดอะไรไปหรือเธอเคยรู้สึกอยากจะมองเห็นไหม เธอตอบว่าไม่ เพราะเธอไม่จำเป็นต้องเห็นสิ่งที่อัปลักษณ์ในโลกใบนี้ นั่นเป็นสิ่งที่บาดใจผมจริงๆ และความรู้สึกนั้นก็ถูกใส่เข้าไปในหนังเรื่องนี้ด้วยครับ

คุณเริ่มต้นทำงานใน Bring Her Back ตอนไหน

แดนนี:   ในเวลาเดียวกับ Talk to Me ครับ เราพัฒนา Talk to Me และ Bring Her Back ในเวลาเดียวกัน และสลับสับเปลี่ยนกันไปมาระหว่างบทหนังทั้งสองเรื่อง

ไมเคิล:   พอถึงตอนที่ Talk to Me เข้าฉาย เราก็เตรียมพร้อมสำหรับ Bring Her Back เรียบร้อยแล้ว และนับตั้งแต่นั้นมา เราก็ไม่เคยหยุดพักเลยครับ

แซลลี ฮอว์กินส์ยอดเยี่ยมมากในหนังเรื่องใหม่นี้ เราไม่เคยเห็นเธอแสดงบทแบบนี้มาก่อนเลย

แดนนี:   นั่นคือส่วนที่น่าตื่นเต้นครับ เรารู้ว่าเราอยากได้นักแสดงสมทบที่แข็งแกร่ง ในหนังทุกเรื่องของแซลลี (Blue Jasmine, The Shape of Water) เธอแสดงได้อย่างเหลือเชื่อ และตัวละครแต่ละตัวของเธอก็ให้ความรู้สึกที่สมจริงเหลือเกินด้วยครับ

ไมเคิล:   และแตกต่างกันด้วยครับ

แดนนี:   แต่ความคิดของการให้เธอมาแสดงหนังสยองขวัญและรับบทตัวร้าย นั่นเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากๆ สำหรับเรา เธออ่านบทหนังเรื่องนี้ รู้สึกเชื่อมโยงกับมัน และตื่นเต้นกับมันจริงๆ เราก็ได้คุยกันทางซูม...

ไมเคิล:   และมันก็เป็นการประชุมที่น่าอัศจรรย์ใจที่สุด เธอเป็นคนเรียบง่ายมากๆ เธอสัมผัสได้ถึงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ทั้งหมดในบทอย่างที่ไม่มีใครคนไหนทำได้อีก จากการประชุมครั้งนั้นครั้งเดียว เราก็รู้แล้วว่าเธอจะเหลือเชื่อ แต่เราก็ยังแบบ “ไม่มีทางหรอกที่เธอจะตอบรับ” แต่แล้วเธอกลับตอบตกลง การถ่ายทำกับเธอเป็นประสบการณ์ที่น่าอัศจรรย์ใจที่สุดเลยล่ะครับ

ทั้ง Talk to Me และ Bring Her Back เป็นหนังเฉพาะทางที่พูดถึงเรื่องความสูญเสียที่ลึกซึ้งส่วนตัว นั่นเป็นสิ่งที่กระทบใจคุณเป็นการส่วนตัวรึเปล่า

แดนนี:   ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยครับ นั่นเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเขียนบทเสมอ การทำให้มันเป็นเรื่องส่วนตัวที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ การขับไล่ปีศาจหรือการพูดถึงเรื่องพวกนั้น และสำหรับหนังสยองขวัญ คุณสามารถสำรวจประเด็นที่รู้สึกอึดอัดได้...ในตอนเริ่มต้นการถ่ายทำ เราสูญเสียเพื่อนของครอบครัวที่สนิทสนมกับเรามากๆ และก็ไม่มีที่ไหนที่เราจะปล่อยวางความเศร้านั้นหรือย่อยความรู้สึกนั้นได้เพราะเราอยู่กันในกองถ่ายแล้ว อารมณ์พวกนั้นก็เลยถูกใส่เข้าไปในหนัง และมันก็เปลี่ยนแปลงหนังเรื่องนี้ไป ฉากที่ถูกเขียนให้น่ากลัวกลับออกมาน่าเศร้าทีเดียว ดังนั้น มันก็เลยให้ความรู้สึกที่เป็นส่วนตัวกว่า ดิบกว่าและเปราะบางกว่าใน Talk to Me ในแง่นั้นครับ

หนังเรื่องนี้เปิดเรื่องและทำให้นึกถึงฟุตเตจสะเทือนขวัญที่ถูกพบ ที่ให้เราได้เห็นบางเศษเสี้ยวของพิธีกรรมที่นำไปสู่แง่มุมเหนือธรรมชาติใน Bring Her Back แต่ตำนานนั้นเพียงแค่ถูกใบ้เป็นนัยๆ เท่านั้น

แดนนี:   เหมือนกับใน Talk to Me นั่นแหละครับ เป็นเรื่องสนุกมากๆ ที่ได้สร้างตำนานของคุณเอง เรามีคัมภีร์ไบเบิลที่หนาอย่างเหลือเชื่อสำหรับหนังทั้งสองเรื่อง ที่ลงรายละเอียดทุกอย่าง เกี่ยวกับพิธีกรรม ว่าเทปม้วนนั้นมาจากไหน คนที่ประกอบพิธีกรรมเป็นใคร ผมชอบการได้ร่ายยาวเกี่ยวกับเรื่องนั้นและพูดถึงมันกับนักแสดง...แล้วก็บอกใบ้เป็นนัยๆ เกี่ยวกับมัน ให้ผู้ชมได้รับรู้ ชิ้นส่วนปริศนาทั้งหมดอยู่ตรงนั้นครับ

ไมเคิล:   มันยังเป็นความบิดเบี้ยวด้วยครับ เป็นวิธีการแสดงความเศร้าโศกเสียใจในรูปแบบที่ต่างออกไป ลอรามีเทปงานวันเกิดของลูกสาวที่จากไปแล้วของเธอ หรืออะไรทำนองนั้นด้วย แล้วมันก็มีวิธีที่บิดเบี้ยวแบบนี้ในการเผชิญหน้ากับความโศกเศร้าของเธอ การพยายามจะนำเธอกลับมา ทุกอย่างอยู่ตรงนั้นในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป มีการอธิบายถึงสิ่งต่างๆ แต่ไม่ได้โจ่งแจ้งเกินไปครับ

ช่วยเล่าถึงการเลือกบิลลี บาร์แร็ทท์และโซรา หว่องในบทแอนดี้และไปเปอร์หน่อยได้ไหม

แดนนี:   บิลลีแสดงได้อย่างเหลือเชื่อใน Responsible Child (ได้รับรางวัลอินเตอร์เนชันแนล เอ็มมีสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในปี 2020) เขาเป็นนักแสดงดาวรุ่งที่มีพรสวรรค์ยิ่งใหญ่ สำหรับโซรา เรารู้ว่าเราต้องการคนที่มีความบกพร่องด้านสายตามารับบทไปเปอร์ให้สมจริงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นั่นหมายถึงการทำงานร่วมกับเอเจนท์คัดเลือกนักแสดงและการคัดเลือกนักแสดงในวงกว้างภายในออสเตรเลีย และการออดิชันของโซราก็ทำให้เราอึ้งไปเลยครับ

ไมเคิล:   ผมคิดว่าสำหรับการแสดง มันมีแค่ว่าคุณมีของหรือไม่มีของ ชำนาญหรือไม่ชำนาญเท่านั้นแหละครับ และเธอก็เป็นคนมีของ เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับเธอและปูพื้นไปสู่ฉากที่อารมณ์หนักหน่วงกว่า การเปลี่ยนแปลงของเธอจากจุดเริ่มต้นไปสู่ตอนท้ายของการถ่ายทำเป็นอะไรที่น่าทึ่ง มันเหมือนกับการได้ดูคนสองคนที่แตกต่างกันออกไปเลยครับ

เราควรจะต้องพูดถึงโจนาห์ เรน ฟิลลิปส์ ที่รับบท โอลิเวอร์ ลูกบุญธรรมของลอรา ผู้เกือบจะแย่งชิงความเด่นไปได้ด้วยนะ

ไมเคิล:   พวกเขาทุกคนต่างก็แย่งชิงความเด่นไปได้ในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป แต่โจนาห์เป็นเด็กที่มีพรสวรรค์หลากหลายและน่าอัศจรรย์ใจที่สุดเท่าที่คุณจะได้พบ เขาเป็นนักสู้มวยไทย เป็นนักดนตรี เป็นนักแสดงที่เคยแสดงหนังมาแล้วหลายเรื่อง และเขาก็เหมือนเด็กสิบขวบด้วยครับ (หัวเราะ)

แดนนี:   และพ่อแม่ของเขาก็เป็นนักแสดงทั้งคู่ด้วย คนที่เล่นเป็นพ่อของแอนดี้และไปเปอร์ (สตีเฟน ฟิลลิปส์ ที่ได้เห็นในตอนเริ่มต้นเรื่อง) เป็นพ่อจริงๆ ของโจนาห์ พวกเขาอยู่ในกองถ่าย คอยช่วยเหลือเขาและเราด้วย มันเป็นการร่วมมือกันที่สร้างสรรค์และเจ๋งจริงๆ ในการเนรมิตชีวิตให้กับโอลิเวอร์ครับ

การร่วมงานระหว่างแซลลี ฮอว์กินส์และนักแสดงที่อายุน้อยขนาดนั้นเป็นอย่างไรบ้าง

ไมเคิล:   เธอสามารถช่วยได้จริงๆ ในเรื่องของนักแสดงอายุน้อย เพราะเธอเป็นนักแสดงที่มีประสบการณ์มากที่สุดในกลุ่ม เธอมีความอบอุ่นและความเปิดเผยในแบบที่ช่วยทำให้ทุกคนรู้สึกผ่อนคลายครับ

แดนนี:   และเธอก็ให้ทุกอย่างเพื่อช่วยยกระดับการแสดงของพวกเขา เธอทำทุกอย่างเท่าที่เธอทำได้เพื่อช่วยพวกเขา เหมือนอย่างการสวมบทนั้นและแสดงกับพวกเขา แม้แต่ตอนที่เธอไม่ได้อยู่หน้ากล้อง เทคแล้วเทคเล่าครับ

ฉากไหนถ่ายทำยากที่สุด

แดนนี:   มีฉากหนึ่งที่ลอราลากไปเปอร์ออกไปกลางสายฝน มันเป็นซีเควนซ์ช็อตเดียวที่วนอยู่รอบสระน้ำ โดยทางการจัดการแล้ว ทั้งเครื่องทำฝน ชิ้นส่วนเทียม การเปลี่ยนจากที่แห้งไปที่เปียก ทั้งหมดเกิดขึ้นในการเคลื่อนไหวกล้องเพียงครั้งเดียว บวกกับเรื่องเสียง เป็นความท้าทายครับ

ไมเคิล:   และน่าแปลกใจที่แมวออกมาจากบ้านด้วยครับ (หัวเราะ) บิลลีเปิดประตูออกมา แล้วจริงๆ แล้ว แมวต้องวิ่งออกมา แต่มันแค่นั่งอยู่ตรงนั้น โดยที่ทีมงานทุกคนมองมัน ใช้เวลาหลายชั่วโมงเลยครับ

แดนนี:   หลายชั่วโมงเลย! (หัวเราะ)

คุณมีแนวทางอย่างไรกับความสยดสยองและช่วงเวลาที่น่าตื่นตะลึงกว่าของหนังเรื่องนี้

แดนนี:   เราตั้งเป้าไว้ว่าจะถ่ายทำตามความเป็นจริงให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เราตั้งคำถามเสมอว่า เราจะสร้างสิ่งที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อนได้ยังไง มันเป็นความท้าทายที่สนุกสนานและน่าตื่นเต้นเสมอครับ

ไมเคิล:   และการออกแบบเสียงก็เป็นองค์ประกอบที่สำคัญเหลือเกินด้วยครับ ฉากในครัวกับแอนดี้และโอลิเวอร์ให้ความรู้สึกสมจริงเพราะงานเสียงครับ

คุณได้ตั้งข้อจำกัดอะไรไว้บ้างไหม คุณได้ตัดอะไรออกเพราะมันมากเกินไปบ้างรึเปล่า

แดนนี:   คุณจะถ่ายทำเรื่องแบบนั้นเกินเลยไปเสมอแหละครับ แต่การตัดต่อเกิดขึ้นเพราะเรื่องของจังหวะมากกว่าความสยดสยอง เป็นสิ่งที่ทำให้แรงเคลื่อนที่เดินต่อไปข้างหน้าครับ นั่นเป็นสิ่งที่มีประสิทธิภาพที่สุด

การเปลี่ยนจากการทำงานหนังสั้นออนไลน์มาเป็นหนังในโรงหนังเป็นยังไงบ้าง

แดนนี:   นั่นเป็นโรงเรียนหนังของเรา มันเป็นการถ่ายทำทุกอย่างตามความจริง เป็นอะไรที่จับต้องได้มากๆ ทุกอย่างก็เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการถ่ายทำหนังครับ

ไมเคิล:   ความแตกต่างก็คือ สำหรับการถ่ายทำหนัง มันมีความกดดันมากกว่าเยอะ ยิ่งมีคนเกี่ยวข้องมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีความคาดหวังมากขึ้นเท่านั้น กับยูทูบ เราเคลื่อนไหวด้วยจังหวะของเราเอง เราปล่อยมันออกมา แล้วก็มีผู้ชมที่ชื่นชอบมัน แต่พอหนังเรื่องนี้ออกสู่สายตาชาวโลก มันจะถูกตัดสินโดยผู้คนมากหน้าหลายตา ที่จะดึงเอาหลายสิ่งหลายอย่างจากมัน มันเป็นกระบวนการที่ยากกว่าและยาวนานกว่าด้วย แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันก็เป็นงานที่คุ้มค่ากว่าครับ

แดนนี:   บางครั้ง มันก็เป็นงานที่เหนื่อยแสนสาหัส แต่คุณก็แบบ “อะไรต่อล่ะ” (หัวเราะ)

คุณแบ่งหน้าที่ในกองถ่ายกันอย่างไร

ไมเคิล:   ในกระบวนการถ่ายทำแต่ละส่วน เรามีสิ่งต่างๆ ที่เราจะอยากเข้าหามากกว่าแตกต่างกันไป ในขั้นตอนโพสต์โปรดักชัน เราตัดต่อกันทั้งคู่ และมือลำดับภาพก็ตัดต่อด้วยเหมือนกัน มันก็เลยจะมีการตัดต่อสามแบบสำหรับทุกๆ ฉาก และมันก็เป็นแบบว่า “อะไรเป็นวิธีการนำเสนอฉากนี้ที่ดีที่สุด” แดนนีจะเน้นไปทางวิชวล เอฟเฟ็กต์และสีสันมากกว่า ส่วนผมจะโน้มเอียงไปทางเอฟเฟ็กต์เสียงและดนตรีมากกว่า เราก็เลยสามารถเป็นผู้นำในส่วนที่แตกต่างกันได้ ในกองถ่าย เราพยายามให้แดนนีเป็นตัวหลักในการพูดคุยกับนักแสดง ส่วนผมก็จะเข้าไปให้ข้อเสนอแนะกับเขา มันเป็นงานที่สมดุลครับ

แดนนี:   แล้วก็เรื่องเขียนบทด้วย ผมส่งบทให้เขาอยู่ตลอด แล้วเขาก็จะให้ความคิดเห็นกลับมาแบบตรงไปตรงมาสุดๆ ตลอดเวลา มันดูเหมือนจะเป็นวิธีการทำงานของเราครับ

คุณคาดหวังว่าผู้ชมจะได้รับอะไรไปจาก Bring Her Back

ไมเคิล:   ผมหวังว่ามันเป็นเรื่องที่ตื่นเต้นระทึกขวัญ และมันจะพลิกความหวังบางอย่างของคุณ ทำให้คุณคาดไม่ถึงว่าจะรู้สึกถึงอารมณ์บางอย่าง แต่แล้วกลับรู้สึกถึงมันได้ แล้วก็หวังว่าหนังเรื่องนี้จะทำให้คนอยากกลับไปดูมันอีกนะครับ...

แดนนี:   การสร้างหนังที่คนจะเชื่อมโยงกับมันได้เป็นเป้าหมายมาโดยตลอด ผมอยากให้ตัวละครพวกนั้นให้ความรู้สึกสมจริงเสมอแหละครับ

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ลือสะพัด! \'อั้ม พัชราภา\'ไม่ต่อสัญญาช่อง7 หลังชาวเน็ตพบสัญญาณผิดสังเกต ลือสะพัด! 'อั้ม พัชราภา'ไม่ต่อสัญญาช่อง7 หลังชาวเน็ตพบสัญญาณผิดสังเกต
  • ตรึงใจคนดู ‘มาสุ - พรีม’ ทำน้ำตาท่วมจอ  ปิดจบด้วยเรตติ้งอันดับ 1 ตรึงใจคนดู ‘มาสุ - พรีม’ ทำน้ำตาท่วมจอ ปิดจบด้วยเรตติ้งอันดับ 1
  • ‘คริส’ ปิดบังเลิกคบ ‘สิงโต’ ไม่ให้แม่รู้!! ‘คริส’ ปิดบังเลิกคบ ‘สิงโต’ ไม่ให้แม่รู้!!
  • ‘Boys Vibe The Project’ อีพี 2 ถึงเวลาที่เหล่าสมาชิกในบ้านจะได้เปิดเผยความรู้สึกของตัวเอง ‘Boys Vibe The Project’ อีพี 2 ถึงเวลาที่เหล่าสมาชิกในบ้านจะได้เปิดเผยความรู้สึกของตัวเอง
  • ‘ฝน – ลูกน้ำ ’ ย้อนวัยประชันสวย  ขึ้นเวทีโชว์พลังเสียง!! ‘ฝน – ลูกน้ำ ’ ย้อนวัยประชันสวย ขึ้นเวทีโชว์พลังเสียง!!
  • ‘Reset การเกิดใหม่ของดวงดาว’ อีพี 2  ครั้งนี้ ‘อาร์มิน’ จะไม่ยอมให้ใครมาหยุดความฝัน ‘Reset การเกิดใหม่ของดวงดาว’ อีพี 2 ครั้งนี้ ‘อาร์มิน’ จะไม่ยอมให้ใครมาหยุดความฝัน
  •  

Breaking News

รวบสาวใหญ่ หนีหมายจับ คดีลูกโซ่ยูฟัน นาน 10 ปี ก่อนบวชเป็นแม่ชี พบเงินสะพัด 19 ล้าน

อย่าเพิ่งชะล่าใจ! นักวิชาการ มธ. เร่งฝึกซ้อมแผนอพยพ เตรียมกระเป๋าฉุกเฉิน

เตือนภัยมรสุม! ‘สิเกา-วังวิเศษ’ เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน-ชาวเรือระวังคลื่นสูง

หนุนทหารไทย!‘ทรู’อัปเกรดเสา-เพิ่มสัญญาณ 5 พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved