21 ก.พ. 2564 เว็บไซต์ นสพ.South China Moring Post ของฮ่องกง เสนอรายงานพิเศษ Laos leaders fear ‘domino effect’ of Thailand’s pro-democracy movement amid election ว่าด้วย สปป.ลาว ประเทศที่ปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์เพียงพรรคเดียวมาตั้งแต่ปี 2518 ทางการกำลังไม่ค่อยสบายใจเท่าใดนักเกี่ยวกับการชุมนุมประท้วงของคนวัยหนุ่ม-สาวในประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทย ว่าอาจส่งอิทธิพลมาถึงประชาชนชาวลาวได้
ในวันที่ 21 ก.พ. 2564 นี้ สปป.ลาว มีการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสมัชชาแห่งชาติและสมาชิกสภาท้องถิ่น ซึ่งจะเลือกกันทุกๆ 5 ปี โดยสำหรับสมัชชาแห่งีชาตินั้นมีผู้สมัครรับเลือกตั้ง 224 คน ชิงชัยทั้งสิ้น 164 ที่นั่ง และมีประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 4.3 ล้านคน มีการจัดหน่วยเลือกตั้งรวม 7,200 แห่งทั่วประเทศ ทั้งนี้ หากแบ่งตามช่วงวัย จะพบว่า เกือบครึ่งหนึ่งของผู้สมัครรับเลือกตั้งมีอายุ 46-55 ปี รองลงมา จำนวน 76 คน คืออายุ 56-60 ปี อันดับ 3 จำนวน 33 คน อายุน้อยกว่า 46 ปี และผุ้สมัครที่อายุ 60 ปีขึ้นไปมีเพียง 12 คน
คีธ บาร์นีย์ (Keith Barney) นักวิชาการอาวุโส Crawford School of Public Policy มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย กล่าวว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกคนจะต้องถูกตรวจสอบประวัติอย่างละเอียด และผู้ชนะการเลือกตั้งจะต้องได้รับการรับรองจากพรรค LPRP หรือพรรคคอมมิวนิสต์ของลาว ถึงกระนั้น ที่ผ่านมาการหมุนเวียนของสมาชิกรัฐสภายังอยู่ในระดับปกติ ซึ่งบางคนก็ตอบสนองต่อปัญหาสังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ เลขาธิการพรรคยังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีหรือนายกรัฐมนตรีด้วย เรื่องนี้แล้วแต่สถานการณ์มาตั้งแต่หลังยุคสงคราม ขณะที่ มาร์ติน สจวร์ด-ฟ็อกซ์ (Martin Stuart-Fox) ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ ที่มองว่า การเลือกตั้งเป็นสิ่งที่พรรค LPRP กำหนดแนวทางไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ต้นจนจบ ด้วยความที่ไม่มีภรรคการเมืองอื่น รัฐบาลที่มาจากรัฐสภาจึงหมายถึงการถูกกำหนดโดยพรรค
อีกด้านหนึ่ง โสลาธา สายาลัธ (Soulatha Sayalath) นักวิชาการอิสระที่อยู่อาศัยในประเทศญี่ปุ่น มองว่า การเลือกตั้งใน สปป.ลาว เป็นเหมือนการที่พรรคต้องการให้ความรู้กับประชาชนว่ากำลังมุ่งหน้าไปสู่ประชาธิปไตยของประชาชน ซึ่งในเดือน ม.ค. 2564 ที่ผ่านมา มีการประชุมใหญ่ครั้งที่ 11 ของพรรค LPRP ซึ่งมีความสำคัญต่อการเมืองใน สปป.ลาว เพราะมีการเลือกคณะกรรมการระดับสูงให้เป็นคณะกรรมการกลางของพรรค โดยคณะกรรมการนี้จะมีหน้าที่เลือกสมาชิกโปลิตบูโร ซึ่งจะมีบทบาทต่อการตัดสินใจว่าจะนำมาประเทศไปในทิศทางใด
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า แต่ในสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งลดลง ในขณะที่ทางการเข้มงวดด้านความปลอดภัยมากขึ้นทั้งที่หน่วยลือกตั้ง จุดรวมหีบบัตรเพื่อนับคะแนน และสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ถึงกระนั้น อาจป็นไปได้ที่จะมีกลุ่มต่อต้านรัฐบาลจัดการชุมนุมและอาจนำไปสู่การปะทะกับเจ้าหน้าที่ หรือการปะทะกันเองระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุนผู้สมัครรับเลือกตั้งแต่ละราย GardaWorld บริษัทรักษาความปลอดภัย มองว่า อาจมีการจับกุมหากทางการมองว่าฝ่าฝืนมาตรการป้องกันโรคระบาด
ทางการลาวนั้นหวั่นเกรงอิทธิพลด้านการเมืองจากการชุมนุมประท้วงที่ประเทศไทย โดยในทวิตเตอร์มีการสร้างแฮชแท็ก “ถ้าการเมืองลาวดี” ในช่วงเดือน ต.ค. 2563 คู่ขนานไปกับการชุมนุมของชาวไทยในกรุงเทพฯ คนรุ่นใหม่ใน สปป.ลาว พยายามชี้ให้เห็นถึงปัญหาของประเทศ โดยเฉพาะการขาดเสรีภาพในการแสดงออก ไปจนถึงความเหลื่อมล้ำทางด้านรายได้ การศึกษา และปัญหาการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ
ชาวลาวบางคนตั้งคำถามว่าจะขอเข้าร่วม “พันธมิตรชานม (MilkTeaAlliance)” ซึ่งเป็นการรวมตัวของคนรุ่นใหม่ในไทย ไต้หวันและฮ่องกงเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยได้หรือไม่ รวมถึงล่าสุดไม่กี่สัปดาห์ก่อน ที่กองทัพเมียนมาทำรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลของ อองซานซูจี (Aung San Suu Kyi) ก่อนจะนำมาซึ่งการลุกขึ้นต่อต้านของประชาชนชาวเมียนมา แต่ความเคลื่อนไหวใน สปป.ลาว ไม่แพร่หลายนัก เนื่องจากรัฐบาลที่กรุงเวียงจันทน์ มีการควบคุมและลงโทษผู้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างรุนแรง
ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ (Pavin Chachavalpongpun) นักวิขาการด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ให้ความเห็นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในไทยและเมียนมา อาจทำให้ทางการลาวกังวลว่าจะนำมาซึ่งความไม่สงบในประเทศของตน มีการพูดถึงทฤษฎีโดมิโน่ (Domino Theory) ที่เคยกล่าวถึงในช่วงสงครามเย็น ว่าด้วยชัยชนะของประเทศหนึ่งสร้างแรงบันดาลลใจให้ประเทศอื่นเปลี่ยนแปลงบ้าง แต่ครั้งนี้กลับมาในฐานะความเปลี่ยนแปลงด้านประชาธิปไตย
แหล่งข่าวจาก สปป.ลาว รายหนึ่งที่ไม่ต้องการเปิดเผยชื่อ ยอมรับว่า หากความไม่สงบเกิดขึ้นในเมียนมา รัฐบาลลาวอาจถูกบังคับให้แสดงจุดยืนในกรอบประชาคมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) มิฉะนั้นจะต้องแบกรับผลกระทบทางเศรษฐกิจบางอย่าง สปป.ลาวมีความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจอย่างสูงทั้งด้านการค้าและการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ในปี 2562 รัฐบาลลาวกล่าวถึงการลงทุนทั้งในและต่างประเทศว่าจะเพิ่มขึ้นกว่า 2.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือร้อยละ 14 ของผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP)
สิทธนนชัย สุวรรณภักดี (Sithanonxay Suvannaphakdy) หัวหน้านักวิจัย ISEAS-Yusof Ishak Institute ประเทศสิงคโปร์ มองว่า การเลือกคั้งของ สปป.ลาว จะส่งผลอย่างจำกัดต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม เนื่องต่กผู้แทนไม่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ ด้วยข้อจำกัดทั้งอำนาจและงบประมาณ ส่วนการปรับปรุงกฎระเบียบของรัฐเพื่อให้เอื้อต่กการทำธุรกิจ ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดย ทองลุน สีสุลิด (Thongloun Sisoulith) นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว มาตลอด 5 ปี เอื้ออำนวยให้วิสาหกิจในประเทศโตขึ้นและดึงดูดนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งในและนอกประเทศ ยังเป็นปัจจัยสำคัญต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจของ สปป.ลาว นับตั้งแต่มีการประกาศพบผู้ติดเชื้อ 2 ครั้งแรกในเดือน มี.ค. 2563 ประเทศที่มีประชากร 7.1 ล้านคนนี้ มีผู้ติดเชื้อสะสมเพียง 45 คน และไม่มีผู้เสียชีวิตแม้แต่รายเดียว แต่การระบาดในประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทยรวมถึงทั่วโลก ทำให้ความต้องการสินค้าและบริการจาก สปป.ลาว ลดลง การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในปี 2564 อาจเป็นไปอย่างอ่อนแอ
ทั้งนี้ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของ สปป.ลาว ที่จัดทำทุกๆ 5 ปี ฉบับล่าสุดที่เพิ่งเผยแพร่ในเดือน ม.ค. 2564 คาดหวังการเติบโตร้อยละ 4 ต่อปีจนถึงปี 2568 ส่วนใหญ่เป็นการรักษาการเติบโต การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และสนับสนุนนักลงทุนทั้งชาวลาวและชาวต่างชาติดำเนินโครงการขนาดใหญ่ มุ่งหวังให้รายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปีของประชากรเพิ่มจาก 2,500 เหรียญสหรัฐในปัจจุบัน เป็น 2,887 เหรียญสหรัฐในปี 2568 ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อ่ปีของคนไทยอยู่ที่ 6,450 เหรียญสหรัฐ
รายงานข่าวยังกล่าวอีกว่า สปป.ลาว เป็นประเทศยากจนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คนส่วนใหญ่ยังอยู่ในภาคเกษตรกรรม เลี้ยงชีพด้วยการทำนาปลูกข้าว การระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้เศรษฐกิจลาวถอดถอยนับตั้งแต่วิกฤติการเงินเอเชียในปี 2541 โดยในปี 2563 เศรษฐกิจลาวหดตัวร้อยละ 0.6 ถึงกระนัน ธนาคารโลก (World Bank) คาดการณ์ว่า ในปี 2564 เศรษฐกิจลาวน่าจะเติบโตร้อยละ 4.9 ภายใต้สมมติฐานว่าโรคระบาดสามารถควบคุมได้ มาตรการทางการเงินของรัฐบาลจะดำเนินการได้อย่างมีประสิทธืภาพ และเศรษฐกิจโลกไม่หยุดชะงักอีก
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่วิกฤตืไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวที่มีความสำคัญกับ สปป.ลาว การฟื้นตัวที่ร้อยละ 4 ก็ยังห่างไกลจากความจริงในตอนนี้ และรัฐบาลเวียงจันทน์กำลังติดปัญหากับดักหนี้ กรณีจีนมาลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้น,ฐานต่างๆ ให้ โดยเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ One Belt One Road ของจีน เช่น เส้นทางรถไฟเชื่อมลาว-จีน ตลอดจนเขื่อนพลังน้ำเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าในแม่น้ำโขงและลำน้ำสาขา นอกจากนี้ ยังมีความกังวลว่า ลาวจะถูกดึงเข้าสู่วงโคจรของจีนมากขึ้น เพราะรัฐบาลปักกิ่งมองเห็นทรัพยากรธรรมชาติมหาศาล
ที่มา scmp
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี