6 ก.ค. 2561 สำนักข่าว BBC ของอังกฤษ รายงานว่า นายโชโก อาซาฮารา (Shoko Asahara) ผู้นำลัทธิ “โอมชินริเกียว” (Aum Shinrikyo) พร้อมพวกอีก 6 คน ถูกประหารชีวิตแล้ว หลังก่อเหตุใช้ก๊าซพิษโจมตีรถไฟใต้ดินกลางกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 2538 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 13 ศพ บาดเจ็บอีกนับพันคน นอกจากนี้ยังมีสมาชิกของลัทธิพยายามก่อเหตุด้วยก๊าซไฮโดรเจนไซยาไนต์กับสถานีรถไฟอีกหลายแห่งภายในไม่กี่เดือนหลังการลงมือครั้งแรก

คดีนี้ถือเป็นคดีสะเทือนขวัญมากที่สุดหนหนึ่งในญี่ปุ่น ซึ่งมีผู้ต้องหา 13 คน รวมถึงนายอาซาฮารา ถูกตัดสินประหารชีวิต ส่วนอีก 6 คนถูกจำคุกตลอดชีวิต โดยชื่อลัทธิโอมชินริเกียว มีความหมายว่า “ความจริงอันสูงสุด” (Supreme Truth) ก่อตั้งขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1980s (ปี 2523-2532) เป็นความเชื่อทางจิตวิญญาณที่ผสมผสานระหว่างศาสนาฮินดูกับพุทธ และเชื่อเรื่องวันโลกาวินาศคล้ายกับศาสนาคริสต์ โดยนายอาซาฮารา หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ชิซูโอะ มัตสึโมโต (Chizuo Matsumoto) เจ้าลัทธิประกาศตัวว่าเป็น “ผู้รู้แจ้ง” (Enlightened One) ทั้งทางคริสต์และพุทธ

รายงานของ BBC ระบุว่า ในปี 2532 ลัทธิโอมชินริเกียวมีสาวกนับหมื่นคนทั่วโลก พวกเขาเชื่อว่ามนุษยชาติจะพินาศจากสงครามโลกครั้งใหญ่ซึ่งจะมีแต่พวกเขาเท่านั้นที่รอดชีวิต ทว่าหลังเหตุสะเทือนขวัญในปี 2538 ลัทธิดังกล่าวได้เปลี่ยนชื่อเป็น “อเลป” (Aleph) หรือ “ฮิคาริ โน วะ” (Hikari no Wa)  ซึ่ง สหรัฐอเมริกาและหลายประเทศขึ้นบัญชีดำลัทธิโอมชินริเกียวในฐานะองค์กรก่อการร้าย ขณะที่ในญี่ปุ่นเอง ลัทธิที่เปลี่ยนชื่อทั้ง 2 ข้างต้นยังมีสถานะถูกกฎหมาย เพียงแต่ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม “ศาสนาอันตราย” (Dangerous Religions) ที่ต้องเฝ้าระวัง

ก่อนหน้านี้ในปี 2559 ตำรวจรัสเซียเข้าตรวจสอบกลุ่มบุคคลที่ต้องสงสัยว่าเป็นสมาชิกลัทธิดังกล่าว ทั้งในกรุงมอสโก และเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก อนึ่ง..ตามกฎหมายของญี่ปุ่นระบุว่าจะลงโทษประหารได้ต่อเมื่อมีคำพิพากษาจำเลยที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเป็นที่สิ้นสุดโดยไม่มีการอุทธรณ์ใดๆ อีก  และการพิจารณาคำอุทธรณ์ครั้งสุดท้ายเกินั้นดขึ้นในเดือน ม.ค. 2561 หลังจากสมาชิกคนหนึ่งของลัทธิถูกศาลฎีกาตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ซึ่งโทษประหารในญี่ปุ่นจะใช้วิธีแขวนคอ และใช้เฉพาะกับผู้ก่อคดีฆาตกรรมที่มีความร้ายแรง