9 ม.ค.62 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐได้กล่าวสุนทรพจน์ถึงประชาชนทั้งประเทศเป็นครั้งแรกของปีนี้ จากห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว โดยเขาได้กล่าวถึงวิกฤตมนุษยธรรมและความมั่นคงในพรมแดนทางใต้ ที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจและจิตวิญญาณของชาวอเมริกันในทุกภาคส่วน จากกรณีผู้อพยพผิดกฎหมาย

โดยทรัมป์ ยืนกรานที่จะสร้างกำแพงกั้นพรมแดนเม็กซิโก เนื่องจากกำลังเผชิญวิกฤตมนุษยธรรม ในแต่ละวันเจ้าหน้าที่ศุลกากรและเจ้าหน้าที่ตระเวนชายแดนต้องรับมือกับผู้ลอบเข้าเมืองจำนวนมากที่พยายามเข้าสหรัฐ สหรัฐไม่มีพื้นที่พอให้คนเหล่านี้ และไม่สามารถส่งกลับประเทศโดยทันที สหรัฐยินดีต้อนรับผู้เข้าเมืองอย่างถูกกฎหมายที่อุทิศตนให้ประเทศ แต่ขณะนี้ชาวอเมริกันทุกคนได้รับผลกระทบจากการลอบเข้าเมืองที่ไร้การควบคุม ทำให้ทรัพยากรรัฐตึงตัว การจ้างงานและค่าจ้างแรงงานต่ำลง

โดยทรัมป์ยังระบุอีกว่า เหตุผลเดียวที่ทำให้รัฐบาลกลางต้องเผชิญกับภาวะชัตดาวน์ตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค. ปีที่แล้ว คือ การที่พรรคเดโมแครต ไม่สนับสนุนงบประมาณสำหรับการเพิ่มความปลอดภัยตามแนวพรมแดนทางใต้ที่ติดกับเม็กซิโก ทรัมป์กล่าวด้วยว่า ข้อตกลงเขตการค้าเสรีใหม่ที่ทำกับเม็กซิโกจะช่วยจ่ายเงินสร้างกำแพงทางอ้อม

อย่างไรก็ตาม ตลอดการกล่าวสุนทรพจน์ประมาณ 10 นาที ทรัมป์ไม่ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่จะช่วยให้ทำเนียบขาวเดินหน้าโครงการก่อสร้างเครื่องกั้นพรมแดนได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องรอการพิจารณาและอนุมัติจากสภาคองเกรส ตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้

ทั้งนี้ ทรัมป์ยืนยันว่าการสร้างกำแพงเป็นเรื่องเร่งด่วนของชาติ ต้องการให้สภาคองเกรสอนุมัติงบประมาณ จำนวน 5,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 180,000 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายในโครงการก่อสร้างกำแพงที่ทำจากเหล็ก โดยเขายืนยันว่าจะหารือกับพรรคเดโมแครตอีกครั้ง เพื่อยุติภาวะชัตดาวน์ที่ดำเนินเข้าสู่สัปดาห์ที่สามแล้ว

ต่อมาแกนนำพรรคเดโมแครต เรียกร้องทรัมป์ยุติการใช้ชาวอเมริกันเป็นตัวประกันเพื่อความต้องการของตัวเองฝ่ายเดียว