6 พ.ค. 2562 เว็บไซต์ นสพ. South China Morning Post ของฮ่องกง เสนอรายงานพิเศษ “As Malaysia ramps up its durian exports to China, quirky product offerings may be answer to rivalling Thailand’s dominance” โดยระบุว่า มาเลเซียกำลังพยายามเข้าไปเปิดตลาดขายทุเรียนในจีน อาทิ เมื่อเดือน ส.ค. 2561 มีการลงนามในพิธีสารเพื่อส่งออกทุเรียนจากมาเลเซียไปยังจีน ทำให้มาเลเซียจะมีส่วนแบ่งในตลาดจีนเพิ่มขึ้นจนอาจกระทบต่อไทยที่ส่งออกทุเรียนไปจีนมาอย่างยาวนาน
โดยทางการจีนนั้นอนุญาตให้ทุเรียนมาเลเซียที่แช่แข็งในอุณหภูมิ -80 ถึง -110 องศาเซลเซียส อย่างน้อย 1 ชั่วโมง และเก็บในอุณหภูมิ -18 องศาเซลเซียสหรือเย็นกว่านั้นสามารถนำเข้าไปจำหน่ายในจีนได้ การผ่อนปรนนี้คาดว่าจะช่วยบรรเทาผลกระทบจากที่ผลผลิตจะต้องถูกขายภายในไม่กี่วันหรือไม่ก็ต้องถูกทิ้งไป ซึ่งลูกค้าอาจได้หรือไม่ได้ประโยชน์จากการกำหนดราคาในอนาคต เนื่องจากขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการผลผลิตในสต็อกของผู้ค้า
รายงานของสื่อฮ่องกง กล่าวต่อไปว่า เกษตรกรมาเลเซียขึ้นชื่อเรื่องการนำเสนอทุเรียนชนิดใหม่ๆ เช่นพันธุ์ Musang King , Udang Merah และ Black Thorn ซึ่งทำให้มีมูลค่าสูงขึ้น ดังนั้นชาวสวนผู้ปลูกทุเรียนเกรดสูงเหล่านี้จะมัดผลผลิตทุกผลไว้กับต้น ไม่ให้ตกและเปลือกแตกเปิดก่อนเวลาอันควร อนึ่ง ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีการถางป่าเพื่อทำสวนทุเรียน กลุ่มทุนใหญ่ก็ไม่อยากตกขบวนรถทุเรียนนี้เช่นกัน
อาทิ ลิ้มคังหู่ (Lim Kang Hoo) มหาเศรษฐีด้านอสังหาริมทรัพย์ที่จับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจอย่าง PLS Plantations Berhad บริษัทเกษตรและป่าไม้ในรัฐยะโฮร์ , FGV Berhad บริษัทน้ำมันปาล์มที่เชื่อมโยงกับภาครัฐ รวมถึงผู้ประกอบการชาวจีน 3 รายอย่าง Shanghai Greenland Group, ZTE Corp และ Shanghai PTSKY เข้าร่วมขยายตลาดทุเรียนในจีนด้วย
นายลิ้มเป็นผู้พัฒนาเขตเศรษฐกิจ Iskandar รัฐยะโฮร์ ซึ่งดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ชาวจีนเป็นอย่างมาก ในช่วงที่ นาจิบ ราซัค (Najib Razak) เป็นนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นอกจากนี้ยังเคยเป็นหุ้นส่วนกับสุลต่านแห่งรัฐยะโฮร์รวมถึงรัฐวิสาหกิจหลายแห่งของมาเลเซีย ล่าสุดมีรายงานว่าเขาได้ซื้อกิจการบริษัท Ekovest Group ซึ่งทำร้านเบเกอรี่The Loaf จากการเล็งเห็นโอกาสในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม
ข้อมูลจากกระทรวงเกษตรของมาเลเซีย ระบุว่า เมื่อปี 2561 ที่ผ่านมา ราคาทุเรียนไม่แปรรูปอยู่ที่เฉลี่ย 40 ริงกิต หรือราว 320 บาทต่อกิโลกรัม แต่หากแปรรูปจะเพิ่มขึ้นไปถึง 1,000 ริงกิต หรือราว 8,000 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งปัจจุบันทุเรียนถูกนำไปแปรรูปในหลากหลายผลิตภัณฑ์ เช่น กาแฟ บักกุ๊ดเต๋ (Bak Kut Teh - ซี่โครงหมูปรุงน้ำซุป เป็นอาหารยอดนิยมในมาเลเซียและสิงคโปร์) แม้กระทั่งหม้อไฟ รวมถึงของหวานอย่างไอศกรีม เครปและเค้ก
ในขณะที่ร้านพิซซ่าสัญชาติไทยอย่าง The Pizza Company กำลังนำเสนอพิซซ่าหน้าทุเรียนควบคู่กับหน้าอื่นๆร้าน The Loaf ของนายลิ้มก็เตรียมจะวางจำหน่ายเมนูดังกล่าวเช่นกันในเร็วๆ นี้ โดยเริ่มที่ตลาดจีนเพราะชาวมาเลเซียอาจยังไม่คุ้นชิน ส่วนตลาดในประเทศคงต้องทำเป็นโรตีไส้ทุเรียนไปก่อนเพราะเป็นที่ต้องการมากกว่า แต่สวนและผู้ประกอบการแปรรูปทุเรียนต้องดำเนินการให้ได้ตามมาตรฐาน CCIC ของจีน ท่ามกลางคำถาม อาทิ CCIC จะให้ความมั่นใจเรื่องปริมาณสารกำจัดศัตรูพืช หรือรับรองคุณภาพทุเรียนบางสายพันธุ์ที่มีราคาสูงได้หรือไม่?
รายงานข่าวยังกล่าวอีกว่า ปริมาณผลผลิตทุเรียนในมาเลเซียเพิ่มขึ้นราว 3 แสนตันต่อปี ในจำนวนนี้ 1 ใน 4 เป็นพันธุ์ Musang King ซึ่งเป็นทุเรียนเกรดสูง และมีทุเรียนระดับดังกล่าวราว 17,000 ตันถูกส่งออกไปยังตลาดจีน ณ ปัจจุบัน ทั้งนี้ชาวมาเลเซียผู้ชอบรับประทานทุเรียนกังวลเรื่องราคาที่อาจแพงขึ้น แต่สำหรับคนในภาคเกษตรแล้วพวกเขามีความกระตือรือร้นในการผลิต แม้จะเป็นห่วงเรื่องการพัฒนาและการบริหารจัดการสวนผลไม้ก็ตาม
แต่เส้นทางการแข่งขันของมาเลเซียกับคู่ปรับสำคัญอย่างไทยในวงการทุเรียน วันนี้ยังไม่ประสบความสำเร็จ โดยเมื่อปี 2560 ปริมาณและมูลค่าการส่งออกของมาเลเซียลดลงราวร้อยละ 80 ขณะที่ทุเรียนไทยปริมาณกับมูลค่าการส่งออกลดลงเพียงร้อยละ 16 และร้อยละ 14 ตามลำดับ ซึ่งการส่งออกทุเรียนไปตลาดจีนและฮ่องกงระหว่างปี 2556 - 2561 ค่อนข้างผันผวนแต่ล่าสุดค่อยๆ มีการฟื้นฟูที่ดีขึ้น
คอร์ หยู-เล้ง (Khor Yu-Leng) ผู้เขียนรายงานพิเศษเรื่องนี้ ทิ้งท้ายไว้ว่า การแข่งขันระหว่างไทยกับมาเลเซียในการแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดทุเรียนในจีนจะเป็นอย่างไรต่อไป? จะเป็นการแข่งขันแบบหัวต่อหัวหรือไม่? โดยในขณะที่ผู้ส่งออกไทยพัฒนาทุเรียนสุก แหล่งข่าวชาวมาเลเซียในจีนเปิดเผยว่า มาเลเซียมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าในการสรรหาบุคคลมาทำตลาดทุเรียนในหลากหลายระดับ
ขอบคุณเรื่องจาก https://www.scmp.com/week-asia/opinion/article/3008935/malaysia-ramps-its-durian-exports-china-quirky-product-offerings
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี