‘ฮ่องกง’ยอมถอย
ระงับกฎหมายฉาว
ส่งผู้ร้ายข้ามแดน
ไปจีนแผ่นดินใหญ่
นางแคร์รี่ หล่ำ ผู้บริหารเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแถลงว่า รัฐบาลฮ่องกงตัดสินใจระงับร่างกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนซึ่งจุดชนวนให้เกิดการประท้วงครั้งใหญ่ออกไปอย่างไม่มีกำหนดแล้ว
นางหล่ำ วัย 62 ปี แถลงต่อผู้สื่อข่าวว่า ความเร่งด่วนเดิมที่จะต้องผ่านร่างกฎหมายนี้ภายในปีนี้ขณะนี้ไม่มีแล้ว เธอขอประกาศหลังจากที่ได้ปรึกษาหารือเป็นการภายในต่อเนื่องตลอดสองวันที่ผ่านมาว่า รัฐบาลตัดสินใจระงับกระบวนการแก้ไขกฎหมายแล้ว จะเริ่มการหารือกับทุกภาคส่วนในสังคม จะเพิ่มการชี้แจงและรับฟังทัศนะที่แตกต่างหลากหลาย
นางหล่ำอยากย้ำว่า รัฐบาลเปิดใจรับฟังความเห็นที่แตกต่างต่อร่างกฎหมายนี้ หัวหน้าฝ่ายความมั่นคงจะทำหนังสือถึงประธานสภานิติบัญญัติให้ยกเลิกการพิจารณาวาระสองครั้งใหม่ นั่นคือสภาจะระงับงานที่เกี่ยวกับร่างกฎหมายนี้จนกว่ารัฐบาลจะเสร็จสิ้นการสื่อสาร ชี้แจง และรับฟังความคิดเห็นต่าง ๆ แล้ว รัฐบาลไม่คิดกำหนดเส้นตายในเรื่องนี้ และขอให้คำมั่นว่าจะรายงานและหารือกับคณะทำงานในสภานิติบัญญัติก่อนตัดสินใจดำเนินการขั้นต่อไป ผู้บริหารฮ่องกงกล่าวด้วยว่า เธอรู้สึกเสียใจและทุกข์ใจที่ความบกพร่องในการทำงานและปัจจัยหลายอย่างได้จุดกระแสถกเถียงและข้อขัดแย้งในสังคมที่ค่อนข้างสงบตลอดสองปีที่ผ่านมา
ด้านนายไมเคิล เทียน สมาชิกสภานิติบัญญัติฮ่องกงซึ่งเป็นสมาชิกสภาประชาชนจีนด้วยในฐานะผู้แทนจากฮ่องกงบอกกับสื่อว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะถอนร่างกฎหมายนี้ออกไปเลย เพราะรัฐบาลกลางให้การสนับสนุน หากถอนก็เท่ากับว่ารัฐบาลกลางผิด สิ่งนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ภายใต้หลักการหนึ่งประเทศสองระบบที่จีนให้ฮ่องกงมีอำนาจกึ่งปกครองตนเองเมื่อกลับมาอยู่ภายใต้การปกครองจีนในปี 2540 ขณะที่นายหลิว เสี่ยวหมิง เอกอัครราชทูตจีนประจำอังกฤษเผยกับบรรษัทกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซีว่า รัฐบาลกลางไม่ได้มีคำสั่งเรื่องการแก้ไขกฎหมายฮ่องกง เป็นความริเริ่มของรัฐบาลฮ่องกงเอง
ก่อนหน้านี้ สื่อหลายสำนักของฮ่องกงทั้งหนังสือพิมพ์เซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์ สถานีโทรทัศน์นาวทีวี สถานีโทรทัศน์ทีวีบี และสถานีโทรทัศน์อาร์ทีเอชเครายงานอ้างแหล่งข่าวรัฐบาลตรงกันหมดว่า รัฐบาลได้เรียกประชุมฉุกเฉินมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาและเตรียมประกาศยอมถอยบางก้าวเพื่อหาทางออกให้แก่วิกฤตการเมืองในขณะนี้ โดยอาจเลื่อนการนำร่างกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนเข้าสู่การพิจารณาวาระสองของสภานิติบัญญัติออกไป หลังจากกำหนดการพิจารณาเมื่อวันพุธทำให้เกิดการปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงกับตำรวจปราบจลาจล เซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์รายงานด้วยว่าเจ้าหน้าที่จีนก็ประชุมที่เขตเศรษฐกิจพิเศษเซินเจิ้นที่อยู่ใกล้กันเพื่อหาทางออกให้แก่ฮ่องกง มีรายงานว่าสมาชิกสภานิติบัญญัติฮ่องกงฝ่ายสนับสนุนจีนเริ่มมีความเห็นแตกต่างกัน บางคนเห็นว่าควรเลื่อนร่างกฎหมายนี้ออกไปก่อนเพื่อให้ประชาชนคลายความไม่พอใจ ขณะที่บางคนเกรงว่าหากยอมจำนนต่อการใช้ความรุนแรง อีกหน่อยฮ่องกงก็จะปกครองไม่ได้
ด้านชาวฮ่องกงหลายพันคนชุมนุมที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาประนามตำรวจใช้กระสุนยางและแก๊สน้ำตากับคนหนุ่มสาวที่ประท้วงโดยปราศจากอาวุธเมื่อวันพุธ ก่อนหน้านี้ แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม เรียกร้องให้พลเมืองชุมนุมใหญ่อีกครั้งในวันนี้ (16 มิ.ย.) และอาจชุมนุมต่อเนื่องจนถึงวันจันทร์ (17 มิ.ย.) เนื่องจากคาดว่าจะมีการอภิปรายร่างกฎหมาย รอบที่ 2 ก่อนที่จะมีการลงมติรับรองร่างกฎหมาย วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายนนี้ แต่ขณะนี้ยังไม่แน่ชัดว่าเมื่อรัฐบาลฮ่องกงประกาศระงับร่างกฎหมายดังกล่าวแล้ว จะยังคงมีชุมนุมรอบใหม่ตามที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่
ทั้งนี้ รัฐบาลฮ่องกงย้ำมาตลอดว่า จำเป็นต้องมีกฎหมายฉบับนี้ในการอุดช่องโหว่ของกฎหมาย เพื่อไม่ให้ผู้กระทำผิดที่ทางการจีนต้องการตัวใช้ฮ่องกงเป็นที่กบดานหลบหนีความผิด และว่าศาลจะให้ความคุ้มครองด้านสิทธิมนุษยชนในการพิจารณาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนเป็นกรณีไป รัฐบาลฮ่องกงฮ่องกงเสนอให้สภานิติบัญญัติพิจารณาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ โดยมีที่มาจากเหตุชายฮ่องกงฆาตกรรมแฟนสาวขณะไปเที่ยวไต้หวันเมื่อปีก่อนแล้วหนีกลับมา โดยที่ฮ่องกงไม่สามารถส่งตัวไปดำเนินคดีที่ไต้หวันเพราะไม่มีข้อตกลงส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกับไต้หวัน ขณะที่ฝ่ายคัดค้านซึ่งมีทั้งทนายความและกลุ่มสิทธิรวมอยู่ด้วยแย้งว่า ระบบยุติธรรมของจีนมีเรื่องการทรมานและบังคับใช้รับสารภาพ การกักขังตามอำเภอใจ และไม่เปิดโอกาสให้มีทนาย ทำให้ผู้ที่ถูกส่งตัวไปดำเนินคดียังจีนแผ่นดินใหญ่หรือต่างแดนอาจไม่ได้รับความเป็นธรรมในการพิจารณาคดี
ด้านนางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP)กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผย สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองฮ่องกง รายงานว่านักธุรกิจรายใหญ่ของฮ่องกงหลายรายยังคงมั่นใจว่าการชุมนุมดังกล่าวจะเป็นเพียงเหตุการณ์ระยะสั้น และยังไม่ส่งผลกระทบต่อการค้าและเศรษฐกิจของฮ่องกง รวมทั้งยังไม่มีผลกระทบต่อการนำเข้า-ส่งออก และการขนส่งสินค้าในระยะนี้
นางชณันภัสร์ พิศาลอภิพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองฮ่องกง กล่าวว่า จากการที่ได้สอบถามนักธุรกิจรายใหญ่ของฮ่องกง ในหลากหลายสาขา อาทิ ข้าว อาหาร และ อัญมณี ส่วนใหญ่แสดงความมั่นใจว่าการชุมนุมดังกล่าวจะเป็นเพียงเหตุการณ์ระยะสั้น แต่หากเหตุการณ์ยืดเยื้อ จะมีปัญหากับการบริโภคภายในประเทศก่อนเรื่องของการค้าระหว่างประเทศ และอาจมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจบ้าง แต่ไม่รุนแรง อีกทั้งกระแสข่าวในเรื่องการย้ายฐานการผลิตของฮ่องกงอันเนื่องจากการเกรงกลัวต่ออิทธิพลของจีนเข้าครอบงำนั้นไม่เป็นความจริง แต่การพิจารณาเรื่องการย้ายฐานการผลิตของนักธุรกิจฮ่องกงนั้น สืบเนื่องมาจากปัญหา Trade War ระหว่าง จีน -สหรัฐที่เกิดขึ้น อีกทั้งรัฐบาลฮ่องกงเล็งเห็นความสำคัญของอาเซียน จึงมี นโยบายให้เงินสนับสนุนผู้ประกอบการรายละ 1 ล้านเหรียญฮ่องกงในการที่จะมาลงทุนใน ASEAN ซึ่งไทยเป็นประเทศแรกๆ ที่นักลงทุนฮ่องกงให้ความสนใจ
อีกทั้ง สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองฮ่องกง มีแผนจะนำคณะนักธุรกิจเยือนไทย และโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) เพื่อหาลู่ทางการค้าและการลงทุนในระหว่างวันที่ 8-10 กรกฏาคมนี้ เนื่องจาก ฮ่องกงเป็น Free Port และ เป็น gateway สำคัญ ที่มีบทบาทในด้านการค้าและเศรษฐกิจ โดยเป็นเส้นทางสำคัญด้านโลจิสติกส์ ในการเชื่อมระหว่าง Greater Bay Area (GBA) หรือ กรอบความร่วมมือระหว่างมณฑลกวางตุ้ง - ฮ่องกง - มาเก๊า (Guangdong - Hong Kong - Macao Greater Bay Area ) กับโครงการอีอีซี ซึ่งรัฐบาลไทยได้วางแผนพัฒนาเพื่อให้มีบทบาทสำคัญในการดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทย โดยจะมีการให้สิทธิพิเศษด้านการลงทุน และกฎหมายในการคุ้มครองการลงทุนในพื้นที่ด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี