19 ต.ค. 2562 เว็บไซต์ นสพ.The Irish Times ของไอร์แลนด์ เสนอรายงานพิเศษ “Thailand’s sea slaves: Shackled, whipped and beheaded” ว่าด้วยเรื่องราวของแรงงานทาสและการค้ามนุษย์ในอุตสาหกรรมประมงของไทย ซึ่งสืบเนื่องจากการขาดแคลนลูกเรือที่เป็นคนไทย ชาวเมียนมาและกัมพูชาจำนวนมากถูกนำพาเข้ามาทดแทน และเรือบางลำมีเด็กทำงานอยู่ด้วย โดยเรือประมงเหล่านี้ต้องออกไปทำงานไกลฝั่งมากๆ เพราะสัตว์น้ำชายฝั่งมีปริมาณลดลง
Lang Long ชาวกัมพูชา อายุ 30 ปี เล่าว่า ตนพบชายคนหนึ่งชักชวนให้มาทำงานก่อสร้างในประเทศไทย ด้วยความที่มีพี่น้องต้องดูแล ตนเห็นว่ามันอาจเป็นโอกาสในการมีรายได้เพิ่ม จึงตัดสินใจมาเสี่ยงโชคตามคำชวนดังกล่าว เมื่อมาถึงประเทศไทย Long ถูกกักตัวไว้ที่ท่าเรือแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรปราการ มียามติดอาวุธเฝ้าอยู่รอบๆ นายหน้าขาย Long ให้กับเรือลำหนึ่งในราคา 530 เหรียญสหรัฐ หรือราว 16,000 บาท ซึ่งถูกกว่าราคาของควาย 1 ตัวเสียอีก หลังการซื้อขายเรียบร้อย Long กับชายอีก 6 คน ถูกต้อนขึ้นเรือ และหลังจากนั้นคือ 3 ปี ของการจองจำกลางทะเลในสภาพที่โหดร้ายที่สุด Long ยังถูกขายอีก 2 ครั้ง ระหว่างเรือประมงด้วยกัน
อย่างไรก็ตาม Long ได้รับการช่วยเหลือจากองค์กร Stella Maris International Seafarers’ Centre สามารถไถ่ตัว Long จากกัปตันรายหนึ่งได้ และได้กลับมาบอกเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นในปี 2557 ทั้งนี้องค์กรดังกล่าว ยังมีข้อมูลด้วยว่ามีเรื่องเลวร้ายมากมายเกิดขึ้นในทะเล อาทิ ลูกเรือที่ป่วยจะถูกจับโยนลงทะเล การฆ่าแล้วตัดหัวคนที่คิดต่อสู้ หรือจับขังไว้ในห้องเก็บสัตว์น้ำที่ทั้งมืดและมีกลิ่นเหม็นเป็นเวลาหลายวัน
Long บอกเล่ากับผู้สื่อข่าวว่า ในช่วงแรกตนต้องทำงานเพื่อใช้หนี้กัปตันเรือ แต่กลับกลายเป็นยิ่งอยู่บนเรือนานเท่าไร ค่าตัวของตนยิ่งสูงขึ้นจนกัปตันเรือลำอื่นยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อไปเป็นแรงงานเพราะถือว่ามีประสบการณ์ ชีวิตบนเรือสำหรับคนที่ไม่เคยออกทะเลมาก่อนไม่ง่าย ช่วงแรกๆ มีอาการเมาเรือและยุ่งกับการคัดแยกชนิดปลา แต่ตนต้องพยายามเรียนรู้ให้รวดเร็ว หลังเห็นชายคนหนึ่งถูกทุบตีเมื่อทำงานช้าเกินไป
Som Nang ลงเรือครั้งแรกในชีวิตเมื่อช่วงปลายปี 2556 ในอีก 4 วันให้หลัง เขาพบชาย 3 คน ถูกล่ามโซ่ที่คออยู่ที่ดาดฟ้าเรือลำหนึ่ง สภาพทั้ง 3 คนอิดโรยร่างกายผอมโซ สภาพโซ่นั้นขึ้นสนิม กัปตันเรืออธิบายว่า 3 คนนี้พยายามจะหลบหนีจึงต้องลงโทษ รวมถึงกักขังไว้ทุกครั้งที่เรือลำอื่นจะเข้ามาใกล้ ส่วน Som Nang นั้นทำงานอยู่ใน “เรือแม่ (Mother Ship)” เป็นเรือขนาดใหญ่กว่า 100 ฟุต เปรียบได้กับร้านสะดวกซื้อหรือห้างสรรพสินค้ากลางทะเล เพราะมีขายทั้งอาหาร เชื้อเพลิง ที่นอน มุ้ง รวมถึงการจัดหาแรงงานทดแทน
ในวันหนึ่ง Som Nang พบเรือประมงสภาพเก่าติดธงชาติไทย ซึ่งกลับจากการทำประมงอย่างผิดกฎหมายในอินโดนีเซีย เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ในจำนวนนี้มีชาวกัมพูชาคนหนึ่งถูกใส่กุญแจมือ ที่เหลือเป็นลูกเรือชาวเมียนมาและไทย ซึ่งนั่นก็คือ Long ตนได้ยินเสียงกระซิบที่ไม่อาจลืมได้เลยว่า “ช่วยฉันด้วย” และนั่นทำให้เขาได้รับการช่วยเหลือ จนแม้กระทั่งวันที่ Long กลับขึ้นฝั่ง ก็ยังบอกว่าไม่คิดเลยว่าจะได้กลับมามีชีวิตบนแผ่นดินอีกครั้ง
Som Nang เล่าอีกว่า ตนตัดสินใจแจ้งไปยังองค์กร Stella Maris เมื่อเรือแม่กลับขึ้นฝั่ง นำไปสู่การระดมทุนจำนวน 750 เหรียญสหรัฐ หรือราว 2 หมื่นบาท จนสามารถไถ่ตัว Long ออกมาได้ และนี่เป็นอีกสิ่งที่จะไม่มีวันลืม เพราะจำนวนเงินดังกล่าวมันถูกกว่าตั๋วเครื่องบินเดินทางระหว่างกรุงเทพฯ ประเทศไทย-กรุงวอชิงตัน ดี.ซี สหรัฐอเมริกา เสียอีก Long ได้รับอิสรภาพในเดือน เม.ย. 2557 แต่สำหรับกัปตันเรือประมง เขากลับมองเงินค่าไถ่ที่ได้รับว่าเป็นการชำระหนี้ที่ Long ต้องทำงานเพื่อชดใช้
ระหว่างส่งตัวกลับฝั่ง Long ถูกกักตัวแยกจากคนอื่นๆ เพราะไม่ต้องการให้เป็นข่าวเนื่องจากอาจทำให้บรรดากัปตันเรือประมงไม่พอใจที่เรือเสบียงกำลัง “เล่นบทผู้ช่วยเหลือ” และอาจนำไปสู่ปัญหาความบาดหมางกันได้ หลังภารกิจช่วยเหลือเสร็จสิ้น Som Nang ลาออกจากการทำงานบนเรือประมง ต่อมาเขาได้งานใหม่เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำโรงงานแห่งหนึ่ง แต่ยืนยันได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตนไม่มีวันลืม และไม่อยากเห็นมันอีกแล้ว
อดัม ดีน (Adam Dean) ช่างภาพชาวอังกฤษผู้ตัดสินใจลงเรือประมง ในตอนแรกกัปตันเรือรู้สึกแปลกใจที่มีคนอยากใช้ชีวิตในสถานที่อันตรายและสกปรก ตนให้เหตุผลว่าอยากบันทึกประวัติศาสตร์ของคนในท้องทะเลเหล่านี้ ซึ่งครั้งหนึ่งก็ได้พบเรือสัญชาติไทย สภาพเก่าขึ้นสนิมราวกับอยู่ในทะเลมาหลายปี มีลูกเรือชาวกัมพูชา 40 คน และบางคนอายุไม่น่าจะเกิน 15 ปีด้วยซ้ำไป
สภาพการทำงานบนเรือประมงค่อนข้างเลวร้าย บนเรือไทยนั้น เพื่อให้อวนปิดสนิท เด็กเหล่านั้นจะดำลงไปดูใต้ท้องทะเล หากเคราะห์ร้ายติดอวนเสียเองก็อาจเสียชีวิตไปโดยไม่มีใครสามารถช่วยเหลือได้ทัน ที่ฟิลิปปินส์ ชายคนหนึ่งมีแผลที่ศีรษะ ที่ชายฝั่งโซมาเลีย ชายคนหนึ่งไอเป็นเลือดและการทะเลาะวิวาทกันในท้องทะเลคือเรื่องปกติ ในอินโดนีเซีย ชาวเรือคนหนึ่งทำงานโดยใช้ผ้าเช็ดตัวปิดอวัยวะสำคัญแทนกางเกงหรือกางเกงใน เพราะมีแผลบริเวณขาหนีบ บางครั้งเขาขอยาทาจากตนเพราะอย่างน้อยก็บรรเทาอาการเจ็บปวดได้
สุชาติ จันทลุหนะ (Suchat Junthaluhana) ผู้อำนวยการองค์กร Stella Maris กล่าวว่า ได้รับเรื่องทำนองนี้ทุกสัปดาห์ คนที่รอดชีวิตจากการเป็นแรงงานทาสบนเรือประมง จะพยายามติดต่อกับคนบนเรือลำอื่นๆ ที่รู้สึกเห็นอกเห็นใจ แล้วคนจากเรือเหล่านี้จะแจ้งมายัง Stella Maris หรือองค์กรอื่นๆ ที่มีภารกิจอย่างเดียวกัน ในการช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ที่เชื่อมโยงกันระหว่างกัมพูชา ไทย มาเลเซียและอินโดนีเซีย
รายงานของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติของไทย (NHRC-กสม.) ระบุว่า Long ถูกทุบตีด้วยท่อนไม้หรือโลหะ บางวันเขามีเวลาพักเพียง 1 ชั่วโมง Long นั้นยังบอกเล่ากับแพทย์ที่ตรวจสุขภาพหลังจากที่รอดชีวิตกลับมา ว่าคนเคยคิดจะกระโดดลงทะเลเพื่อหลบหนี นอกจากนี้เขาพบว่าบางคืนไม่มีใครเฝ้าวิทยุบนเรือ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะใช้วิทยุติดต่อขอความช่วยเหลือจากใคร
ฟิล โรเบิร์ตสัน (Phil Robertson) รองผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชีย องค์กรฮิวแมน ไรท์ วอตซ์ (Human Rights Watch) กล่าวว่า ชีวิตในท้องทะเลมีราคาถูก ที่เป็นเช่นนั้นเพราะความต้องการอาหารทะเลปริมาณมหาศาลจากทั่วโลก ประกอบกับกฎหมายทางทะเลที่บังคับใช้อย่างหละหลวม รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ในอดีตการจัดหาแรงงานประมงในไทยนั้น กัปตันจะจ่ายเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้ครอบครัวใช้จ่ายระหว่างที่แรงงานไม่อยู่บ้าน แต่เมื่อแรงงานประมงเป็นแรงงานข้ามชาติ กัปตันก็หันไปจ่ายให้กับนายหน้าที่นำพาคนมาเป็นแรงงานแทน
ปัญหาแรงงานทาสในทะเลของไทยเกี่ยวข้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจ ตั้งแต่ทศวรรษ 1980s (ปี 2523-2532) เป็นต้นมา เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง แหล่งงานและค่าจ้างบนแผ่นดินทำให้คนไทยไม่นิยมลงเรือประมง ในปี 2559 ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการว่างงานต่ำที่สุดในโลก อุตสาหกรรมประมงจึงต้องพึ่งพาแรงงานข้ามชาติทั้งเมียนมา ลาวและกัมพูชา อนึ่ง ไม่เฉพาะการค้ามนุษย์เท่านั้น การทำประมงที่ละเมิดสิทธิเหล่านี้ยังทำให้ทรัพยากรสัตว์น้ำในทะเลลดลงอย่างรวดเร็ว เป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี