14 ก.พ. 2563 เว็บไซต์ นสพ.Vietnam Investment Review ซึ่งสนับสนุนโดยคณะกรรมการการลงทุนและความร่วมมือของรัฐ (State Committee for Investment and Cooperation) อันเป็นหน่วยงานหนึ่งของรัฐบาลเวียดนาม เสนอรายงานพิเศษ “Plastic packagers looking to Vietnam” ระบุว่า หลังรัฐบาลประเทศเพื่อนบ้านร่วมภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) อย่างไทยมีออกมาตรการยกเลิกการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง บรรดาผู้ประกอบการอุตสาหกรรมพลาสติกมีแนวโน้มจะย้ายการลงทุนไปยังที่อื่นๆ โดยมีเวียดนามเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ
นับตั้งแต่ 1 ม.ค. 2563 เป็นต้นมาที่บรรดาห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อเจ้าดังในประเทศไทยสนองนโยบายรัฐบาลด้วยการไม่แจกถุงพลาสติกหูหิ้วกับผู้ที่ไปซื้อสินค้า ผู้ประกอบการบรรจุภัณฑ์พลาสติกได้รับผลกระทบอย่างมาก อาทิ ณภัทร ทิพย์ธนกิจ (Naphat Thipthanakit) กรรมการผู้จัดการบริษัท Pack and Save เปิดเผยว่า ยอดสั่งผลิตสินค้าในบริษัทลดลงกว่าร้อยละ 90
ส่วนการเปลี่ยนผ่านไปใช้พลาสติกชีวภาพ หากไม่มีวิธีการผลิตที่เหมาะสมและความร้อนที่สูงพอ พลาสติกชีวภาพจะไม่ย่อยสลายใน 180 วันตามที่โฆษณาไว้ และหากกลายเป็นขยะในทะเลย่อมอยู่ไปได้ยาวนานนับสิบปี ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อสัตว์ทะเลไม่ต่างจากพลาสติกแบบดั้งเดิม นอกจากนี้อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงด้านอาหารทั้งของคนและสัตว์ด้วย เพราะวัตถุดิบอย่างอ้อยและมันสำปะหลังไม่ต่ำกว่าครึ่งของจำนวนผลผลิตทั้งหมดจะถูกป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ รวมถึงความไม่สมดุลในการใช้ที่ดินและน้ำ และการใช้สารเคมีที่อาจเพิ่มขึ้น
สมชัย เตชะพานิชกุล (Somchai Techapanichgul) ประธานสมาคมอุตสาหกรรมพลาสติกไทย กล่าวว่า สมาชิกของสมาคมที่มีอยู่ประมาณ 400-500 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ซึ่งพึ่งพารายได้จากลูกค้าในประเทศ การยกเลิกการใช้ย่อมทำให้ผู้ประกอบการเหล่านี้อยู่รอดได้ยาก หลายๆ บริษัทไม่สามารถปรับตัว เช่น หาเครื่องจักรใหม่มาใช้ผลิตบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้มีรายงานว่า เบื้องต้นมีผู้ประกอบการ 86 รายได้รับผลกระทบอย่างชัดเจนเพียง 1 เดือนหลังมีมาตรการเลิกใช้ถุงพลาสติก ทั้งการลดกำลังการผลิต ลดชั่วโมงการทำงาน ทำให้พนักงานหลายคนถูกเลิกจ้าง ซึ่งตนเสนอแนะว่ามาตรการลดการใช้พลาสติกควรดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไป อาทิ ในเบื้องต้นควรให้ผู้ประกอบการผลิตถุงพลาสติกแบบหนาและใหญ่เพราะสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้หลายครั้ง
รายงานฉบับนี้กล่าวต่อไปว่า สำหรับบริษัทขนาดใหญ่อาจไม่ได้รับผลกระทบมากนัก โดยเป็นไปได้ว่าพวกเขาจะย้ายไปลงทุนที่ประเทศอื่น เช่น เวียดนาม เพราะแม้รัฐบาลเวียดนามจะมีแผนลด ละ เลิกการใช้พลาสติกในปี 2568 แต่ยังไม่มีมาตรการห้ามทันทีแบบไทย จึงเป็นโอกาสที่ดีอย่างน้อยก็ในระยะสั้น อนึ่ง การระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 (COVID-19) ทำให้ความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกในเวียดนามเพิ่มสูงขึ้น ตั้งแต่อาหารที่จำหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ตไปจนถึงหน้ากากอนามัย ล้วนถูกห่อด้วยพลาสติกทั้งสิ้น
สนั่น อังอุบลกุล (Sanan Ungubolkul) ประธานบริษัทศรีไทยซุปเปอร์แวร์ เปิดเผยว่า บริษัทจะขยายการลงทุนในเวียดนามซึ่งการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ค่อนข้างสูงและมีกรอบกฎหมายที่ดี อีกทั้งอุตสาหกรรมค้าปลีกและเบียร์ในเวียดนามเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ความต้องการบรรจุภัณฑ์เมลามีนและพลาสติกเพิ่มขึ้นด้วย ถึงกระนั้น ในรายงานของสื่อเวียดนาม ก็ระบุว่า ในระยะยาวผู้ประกอบการจากไทยก็ต้องเตรียมพร้อมปรับเปลี่ยนสู่การดำเนินกิจการตามมาตรฐานที่ทันสมัยและหลักการความยั่งยืน
ก่อนหน้านี้ เหงียนซวนฟุก (Nguyen Xuan Phuc) นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ได้กล่าวในการประชุมจี20 (G20) ว่าเวียดนามมีแผนลด ละ เลิกการใช้พลาสติกในปี 2568 เบื้องต้นคาดว่าจะเลิกยุติการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว ในร้านค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตในเขตเมืองภายในปี 2564 ขณะที่ ถาเป่าหลง (Ta Bao Long) ผู้จัดการฝ่ายสื่อสาร เต็ดตรา แพ้ค (Tetra Pak) ประจำเวียดนาม กล่าวว่า บริษัทบรรจุภัณฑ์ยักษ์ใหญ่จากสวีเดนไม่ได้รับผลกระทบในเวียดนามมากนักจากการห้ามใช้ถุงพลาสติกในประเทศไทย เนื่องจากบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
โดยปัจจุบัน เต็ดตรา แพ้ค เป็นผู้นำในการผลิตหลอดจากกระดาษ และในปี 2565 จะเปิดตัวกล่องโดยชั้นของกล่องจะทำจากวัสดุรีไซเคิลและอลูมิเนียมทั้งหมด ซึ่งสอดคล้องกับกระแสการลด ละ เลิกใช้พลาสติกในหลายประเทศ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้โดยง่ายหากอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องอย่างอาหารและเครื่องดื่มยังให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์พลาสติก
ด้าน เหงียนลีฮัง (Nguyen Le Hang) รองผู้อำนวยการฝ่ายการพัฒนาที่ยั่งยืน อันทันบิคซอล (An Thanh Bicsol) ในเครือ อันพัทโฮลดิ้ง (An Phat Holdings) เสอนแนะว่า ภาษีสิ่งแวดล้อมควรเข้มงวดกับอุตสาหกรรมไนลอนและพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ขณะเดียวกันควรส่งเสริมผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นมาตรการแบบเดียวกับที่เกาหลีใต้ดำเนินการอยู่
ขอบคุณเรื่องจาก : vir.com
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี