WHOยอมรับโควิด-19หนัก
มีโอกาสกระจายเป็นวงกว้าง
อิตาลียอดป่วยทะลุ200
ผู้โดยสารเรือหรูดับอีก1
ไทยพบติดเชื้อเพิ่ม2ราย
ระวังเข้มผู้สัมผัสใกล้ชิด
ผอ.องค์การอนามัยโลกระบุการแพร่ระบาดของ ไวรัส โควิด-19 ยังอยู่ในขั้นควบคุมได้ แต่ก็ยอมรับว่ามีความเป็นไปได้ที่สถานการณ์จะขยายไปถึงขั้นเป็นโรคระบาดกระจายทั่วไป เป็นวงกว้างแทบทุกประเทศบนโลก ส่วนสถานการณ์ที่อิตาลี มีผู้ป่วยสะสมมากกว่า 200 คน ญี่ปุ่นรายงานผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสบนเรือสำราญไดมอนด์ ปรินเซส เป็นคนที่ 4 เกาหลีใต้เตรียมตรวจสุขภาพสมาชิกลัทธิชินชอนจิ จำนวนกว่า 2.1 หมื่นคน สธ.เผยพบคนไข้โควิด-19 เพิ่ม 2 ราย
มีประวัติเกี่ยวพันกับต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ว่านพ.เทดรอส แอดนาฮอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) แถลงเมื่อวันจันทร์ เกี่ยวกับสถานการณ์ของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่โควิด-19 ว่า สถานการณ์ในจีนนั้น ช่วงเวลาวิกฤติที่สุด คือระหว่างวันที่ 23 มกราคม-2 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา หลังจากนั้นมีแนวโน้มทรงตัว แต่ยังถือว่า อยู่ในภาวะฉุกเฉิน อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในต่างประเทศกลับทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะที่เกาหลีใต้ อิตาลี และอิหร่าน ตลอดจนหลายประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางและเอเชียใต้ซึ่งพบผู้ป่วยมากขึ้น โดยบาห์เรน คูเวต โอมาน อิรัก และอัฟกานิสถาน รายงานการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในวันเดียวกัน
ทั้งนี้ ทีมงานพิเศษของดับเบิลยูเอชโอมีกำหนดเดินทางถึงกรุงเตหะรานในวันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ นี้ หลังทีมงานอีกชุดหนึ่งลงพื้นที่เมืองอู่ฮั่น เมืองเอกของมณฑลหูเป่ย์ ในภาคกลางของจีน ที่ยังคงเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโรค เมื่อวันจันทร์
อาจถึงขั้นระบาดไปทั่วโลก
นพ.เทดรอส ยังได้กล่าวถึงระดับการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในภาพรวม ยังเป็นโรคระบาด(epidemic ) แต่สามารถควบคุมได้ ยอมรับว่า มีความเป็นไปได้ที่สถานการณ์จะไปถึงขั้นการเป็นโรคระบาดกระจายทั่วไป (pandemic) หมายถึงการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างในหลายประเทศ หลายทวีป หรือแทบทุกประเทศบนโลก
ขณะที่คณะกรรมาธิการสาธารณสุขแห่งชาติของจีนรายงานสถานการณ์โรคโควิด-19 ระหว่างเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ถึงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ว่า จำนวนผู้เสียชีวิตในประเทศอยู่ที่อย่างน้อย 2,663 คน เพิ่มขึ้นอีก 71 คน พบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 508 คน เพิ่มจำนวนผู้ป่วยสะสมทั่วประเทศเป็นอย่างน้อย 77,658 คน และมีผู้ได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว 27,323คน
อิตาลีติดเชื้อพุ่งทะลุ200ราย
ด้านกระทรวงสาธารณสุขของอิตาลีออกแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ว่า ผู้ป่วยจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศ เพิ่มเป็นอย่างน้อย 229 คน เสียชีวิตแล้ว 7 คน โดย 6 คนมีภูมิลำเนาอยู่ในแคว้นลอมบาร์เดีย ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ มีเมืองเอกคือเมืองมิลาน ขณะที่พื้นที่แพร่ระบาดอีกแห่งคือแคว้นเวเนโตที่อยู่ใกล้กับแคว้นลอมบาร์เดีย มีเมืองเอกคือเมืองเวนิส สถิติดังกล่าวบ่งชี้ว่าอิตาลีเป็นประเทศนอกทวีปเอเชียซึ่งเผชิญกับสถานการณ์โรคโควิด-19 ในระดับรุนแรงที่สุด
ขณะที่นายกรัฐมนตรีจูเซปเป คอนเต ย้ำประชาชนไม่ควรตื่นตระหนก แต่ควรปฏิบัติตามคำแนะนำและคำเตือนของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะประชาชนซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยง เนื่องจากมาตรการปิดพื้นที่อาจครอบคลุมระยะเวลา นานหลายสัปดาห์ โดยมีคำสั่งปิดเส้นทางจราจรเข้าและออก 11 เมืองในภูมิภาคทางเหนือตั้งแต่ต้นสัปดาห์นี้ แบ่งเป็น 10 เมืองในแคว้นลอมบาร์เดีย และอีกเมืองหนึ่งในแคว้นเวเนโต แต่ยกเว้นให้เฉพาะกรณีจำเป็น เท่านั้น
ด้าน นายจูเซปเป ซาลา นายกเทศมนตรีเมืองมิลาน กล่าวขอให้ประชาชนในพื้นที่ อย่าตื่นตระหนก เช่นกัน หลังปรากฏคลิปผู้คนจำนวนมากแห่กันไปกักตุนสินค้าอุปโภคบริโภคจนเกลี้ยงซูเปอร์มาร์เก็ตแทบทุกแห่ง โดยยืนยันว่ามีเสบียงเพียงพอสำหรับทุกคน แต่สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ คือการดูแลสุขภพาของผู้สูงวัยซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่สุด
ยูเออีเตือนงดมาไทย-อิหร่าน
ขณะที่เฟซบุ๊กสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เปิดเผยว่า กระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้ประกาศเตือนประชาชนให้งดเว้นการเดินทางไปประเทศไทยและอิหร่าน สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 มีผลตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง โดยประกาศดังกล่าวเป็นเพียงการเตือนเฉพาะชาวยูเออี โดยชาวต่างชาติในยูเออี ที่รวมถึงคนไทย ยังคงเดินทางออกจากยูเออีได้ตามปกติ และคนไทยยังสามารถเดินทางเข้ามายูเออีได้ตามปกติ โดยไม่มีการกักตัวหรือระงับการเดินทาง อย่างไรก็ตาม สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงอาบูดาบี จะติดตามความคืบหน้าและประชาสัมพันธ์ให้คนไทยทราบต่อไป และขอให้คนไทยที่มีกำหนดเดินทางในระยะนี้ติดตามข่าวสารจากสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงอาบูดาบีและทางการยูเออีอย่างต่อเนื่องด้วย
ผู้โดยสารเรือไดมอนด์ฯดับรายที่4
สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเค รายงานว่า ชายอายุประมาณ 80 ปี อดีตผู้โดยสารของเรือสำราญไดมอนด์ ปรินเซส ที่รัฐบาลญี่ปุ่นกักบริเวณไว้ที่ท่าเรือในเมืองโยโกฮามา เมื่อต้นเดือนนี้ เสียชีวิตเมื่อวันอังคาร ด้วยอาการปอดอักเสบ ซึ่งเป็นผลจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ “โควิด-19” นับเป็นผู้เสียชีวิตคนที่ 4 ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับเรือลำนี้ ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อฯ จากเรือไดมอนด์ ปรินเซส มีสถิติสะสมอยู่ที่อย่างน้อย 691 คน จากจำนวนผู้อยู่บนเรือทั้งสิ้น 3,711 คน ด้านจำนวนผู้ติดเชื้อบนภาคพื้นดินของญี่ปุ่นและไม่ได้มีความเชื่อมโยงกับเรือสำราญลำดังกล่าวอยู่ที่อย่างน้อย 159 คน เสียชีวิตแล้ว 1 คน เป็นหญิงอายุประมาณ 80 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดคานางาวะ และมีผู้ป่วยได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว 23คน
จ่อตรวจสุขภาพสมาชิกชินชอนจิ
ขณะที่ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคเกาหลีใต้ (เคซีดีซี ) ออกแถลงการณ์ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่โควิด-19 ในประเทศ เพิ่มเป็นอย่างน้อย 893 คน และเสียชีวิตแล้ว 9 คน โดยผู้เสียชีวิตคนล่าสุดเป็นผู้ป่วยของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ที่จังหวัดคย็องซังเหนือ ทางตะวันออกของประเทศ ขณะที่ทำเนียบรัฐบาลเกาหลีใต้ออกแถลงการณ์ว่า กระทรวงสาธารณสุขและเคซีดีซีเตรียมตรวจคัดกรองโรค สมาชิกทั้งหมด ของลัทธิชินชอนจิ จากการที่ ศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโรค ในเกาหลีใต้ คือโบสถ์ของลัทธิชินชอนจิ ในเมืองแทกู ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 4 ของประเทศ โดยผู้ป่วยคนที่ 31 คือหญิงอายุ 61ปี ซึ่งเป็นสมาชิกของลัทธิชินชอนจิในเมืองแทกู
คาดมี2.1แสนรายชื่อ-ส่งทางการแล้ว
ด้านสำนักงานลัทธิชินชอนจิ ซึ่งมีความเชื่อเกี่ยวกับวันสิ้นโลก ออกแถลงการณ์พร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับรัฐบาลเกาหลีใต้ในเรื่องนี้ โดยได้ส่งรายชื่อสมาชิกทั่วประเทศให้กับทางการแล้ว ซึ่งมีการประเมินว่ามีจำนวนสมาชิกประมาณ 215,000 คน อย่างไรก็ตาม นายอี มัน-ฮี ผู้ก่อตั้งและผู้นำสูงสุดของลัทธิชินชอนจิขอร้องทุกฝ่าย ให้เก็บรายชื่อสมาชิกทั้งหมดเป็นความลับ “เพื่อความปลอดภัย”
นอกจากนี้ พื้นที่วิกฤติของโรคโควิด-19 อีกแห่งในเกาหลีใต้ คือโรงพยาบาลแดนัม ในเมืองช็องโด ซึ่งเคยเป็นสถานที่พักรักษาตัวของผู้เสียชีวิต 6 คนจาก 9 คน ทั้งนี้ รัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศให้เมืองแทกูและเมืองช็องโด เป็นพื้นที่บริหารจัดการพิเศษด้านสาธารณสุข ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา ตามด้วยการยกระดับการเตือนภัยด้านสาธารณสุขในประเทศเป็นสีแดงซึ่งเป็นขั้นสูงสุด
ไทยอันดับ10หลังชาติอื่นติดเชื้อพุ่ง
กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงถึงส่วนสถานการณ์ในประเทศไทยวันนี้ อยู่ในอันดับที่ 10 เนื่องจากมีประเทศอิหร่าน สหรัฐอเมริกา และสิงคโปร์ แซงหน้าประเทศไทยไปแล้ว โดยไทยมีผู้ป่วยยืนยันสะสมรวม 37 คน กลับบ้านได้ 22 คน คิดเป็นร้อยละ 60 ผู้ป่วยยืนยันรักษาอยู่ที่โรงพยาบาล 15 คน ซึ่งวันนี้มีข่าวดีผู้ป่วยหายเป็นปกติสามารถกลับบ้านได้อีก 1 ราย ที่จังหวัดกระบี่ เป็นนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนอายุ 32 ปี ซึ่งเดินทางเข้าประเทศไทยก่อนที่ประเทศจีนจะปิดสนามบินอู่ฮั่น
พบคนไทยติดเชื้อโควิด-19เพิ่ม2ราย
อย่างไรก็ตาม ได้รับรายงานพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 2 ราย ซึ่งจากผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการทั้ง 2 แห่ง ทั้งกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ผลยืนยันพบผู้ป่วยเพิ่ม 2 ราย โดยรายแรกเป็นหญิงไทยอายุ 31 ปี อาชีพแม่บ้าน ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลราชวิถี แพทย์ตรวจพบปอดอักเสบที่หาสาเหตุไม่ได้ แพทย์ได้ซักประวัติเพิ่มเติมพบประวัติสมาชิกในครอบครัวเดินทางกลับจากเมืองกวางโจว ประเทศจีน ส่วนรายที่ 2 เป็นชายไทยอายุ 29 ปี อาชีพรับรถซึ่งทำงานสัมผัสใกล้ชิดนักท่องเที่ยวชาวจีน ด้วยอาการ ไข้ ไอ รับรักษาอยู่ที่สถาบันบำราศนราดูร
เก็บข้อมูลส่งตรวจ-เฝ้าระวัง14วัน
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากกรณีพบผู้ป่วยเพิ่ม 2 รายดังกล่าว เจ้าหน้าที่ควบคุมโรคได้ทำการสอบสวนและเก็บตัวอย่างจากผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยเพื่อส่งตรวจต่อไป ซึ่งทุกคนในครอบครัวจะถูกปฏิบัติในข่ายผู้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวังอาการนาน 14 วัน ไม่ใช่ผลจากการตรวจหาเชื้อห้องแล็บแต่อย่างใด โดยจะนำข้อมูลผู้ป่วยและการสอบสวนโรคเบื้องต้นเข้าสู่การพิจารณาของคณะผู้เชี่ยวชาญ 3 ด้านต่อไป เพื่อพิจารณาโดยละเอียดอีกครั้ง
เชื่อจะพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก
ด้าน รศ.นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ที่ปรึกษา รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า จากกเดิมที่การเฝ้าระวังเป็นคนจีน แต่ขณะนี้กำลังจะเปลี่ยนเป็นคนไทย โดยหลังจากวันที่ 17 กุมภาพันธ์-24 กุมภาพันธ์ พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงจำนวนผู้เฝ้าระวังฯเส้นกราฟพุ่งขึ้นอย่างมาก ดังนั้น สถานการณ์ของไทยอาจจำเป็นปรับเปลี่ยนเกณฑ์กลุ่มเป้าหมายผู้เข้าข่ายการเฝ้าระวังผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ไปตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปได้ตลอดเวลา เพราะต้องควานหาผู้ติดเชื้อที่จะซ่อนอยู่ ในที่เราไม่รู้ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ผู้ติดเชื้อฯ ของไทยจะไม่ได้หยุดอยู่ที่จำนวน 37 คนอย่างแน่นอน
“ตอนนี้มีโปรฯ ไฟไหม้และมีคนไทยเดินทางไปเยอะมาก ซึ่งคนกลุ่มนี้เมื่อเดินทางกลับมาประเทศในระหว่าง 14 วันนี้ หากมีอาการแค่ไข้หวัดก็จัดเป็นผู้เข้าเกณฑ์เฝ้าระวังโรค(PUI) โดยขณะนี้มีผู้ป่วยไข้หวัดวันละ 2 แสนคน และมีผู้ป่วยปอดบวม 5,000-6,000 คนซึ่งเป็นภาระงานที่หนักมากของเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ สาธารณสุขที่จะต้องแยกคัดกรองคนเหล่านี้โดยเฝ้าระวังว่าเป็นผู้ติดเชื้อหรือไม่” รศ.นพ.ทวี กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในช่วงค่ำวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2563 ว่า ยอดผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 80,248ราย มีผู้เสียชีวิต 2,705ราย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี