เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2563 สื่อต่างประเทศหลายสำนักรายงานเรื่องราวที่กำลังเป็นข้อถกเถียงในสหราชอาณาจักร กรณี รัฐบาลประเทศอังกฤษ ยังไม่มีมาตรการทำนองปิดเมืองหรือปิดประเทศเพื่อสกัดกั้นการระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 แม้จะพบผู้ติดเชื้อจำนวนมากแล้วก็ตาม นำมาสู่การตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลเมืองผู้ดีกำลังปล่อยให้ประชาชนติดเชื้อโดยหวังว่าหากหายดีแล้วจะสร้างภูมิคุ้มกันภายในร่างกายได้ใช่หรือไม่ เนื่องจากจำนวนผู้เสียชีวิตเมื่อเทียบกับผู้ติดเชื้อถือว่าน้อยมาก
ย้อนไปเมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2563 สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) เสนอข่าว “Boris Johnson’s U.K. Virus Strategy Needs People to Catch the Disease” ตั้งข้อสังเกตว่า แม้รัฐบาลอังกฤษจะมีมาตรการชะลอการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 แต่ยังไม่ไปถึงขั้นปิดกั้นการใช้ชีวิตตามปกติของประชาชน เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่าแม้จะมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากแต่มีเพียงจำนวนน้อยที่ป่วยอาการหนัก
จึงคาดว่านี่คือกลยุทธ์ “ทำให้คนติดเชื้อเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน (Herd Immunity)” เพื่อที่จะไม่เป็นโรคอีกหากมีการระบาดในปีต่อๆ ไป โดย แพทริค วาลแลนซ์ (Patrick Vallance) หัวหน้าที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ของสหราชอาณาจักร ให้ความเห็นว่า ไม่มีทาวที่จะกำจัดโรคได้อย่างสมบูรณ์ดังนั้นจึงไม่ควรทำ การระบาดจะกลับมาในปีถัดไป สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติอังกฤษ (NHS) จะเผชิญกับความเสี่ยงมากขึ้นในช่วงฤดูหนาว
เช่นเดียวกับ เดวิด ฮัลเพิร์น (David Halpern) หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์พฤติกรรมและสมาชิกคณะกรรมการตอบสนองต่อโรคระบาดของสหราชอาณาจักร กล่าวว่า แผนนี้คือการสร้างภูมิคุ้มกันในระดับชุมชนในระดับที่ผู้มีความเสี่ยงสูงสุดจะได้รับการปกป้องราวกับอยู่ในดักแด้รังไหม และเมื่อคนเหล่านี้ออกมาอีกครั้งประชากรที่เหลือในสังคมก็จะมีภูมิคุ้มกันแล้ว
ขณะที่เว็บไซต์ นสพ.The Guardian ของอังกฤษ เผยแพร่บทความ “Herd immunity: will the UK's coronavirus strategy work?” เมื่อ 13 มี.ค. 2563 ระบุว่า กลยุทธ์ทำให้คนติดเชื้อเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันตามปกติหมายถึงการฉีดวัคซีนเข้าสู่ร่างกาย เช่น การฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดในเด็กเพื่อลดโอกาสในการแพร่เชื้อ แต่ปัจจุบันมันอาจถูกนำมาใช้ต่อสู้กับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ซึ่งก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งที่มองว่าแปลกใหม่ แต่อีกด้านก็มองว่าน่ากลัวและมีความเสี่ยงโดยเฉพาะกับประชากรกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุที่มีปัญหาสุขภาพอยู่แล้ว
ตามแผนการดังกล่าว แพทริค วาลแลนซ์ หัวหน้าที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ของสหราชอาณาจักร ระบุว่า ต้องมีผู้ติดเชื้ออย่างน้อยร้อยละ 60-70 ของประชากร ในขณะที่ ศ.มาร์ติน ฮิบเบิร์ด (Prof.Martin Hibberd) นักวิชาการด้านโรคติดเชื้อจากสถาบันอนามัยและเวชศาสตร์เขตร้อนกรุงลอนดอน (the London School of Hygiene & Tropical Medicine) แสดงความกังวลว่า แผนดังกล่าวอาจไม่ใช่แผนที่ดีที่สุดที่ทำได้
เช่นเดียวกับ แอนโธนี คอสเตลโล (Anthony Costello) กุมารแพทย์ โพสต์ข้อความผ่านพวิตเตอร์ส่วนตัว กล่าวว่า ภูมิคุ้มกันอาจไม่คงอยู่ตลอดไป โควิด-19 จะทำให้ภูมิคุ้มกันแข็งแกร่งขึ้นหรือจะเหมือนกับไข้หวัดใหญ่ที่มีสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นทุกปีซึ่งต้องการวัคซีนซ้ำๆ หรือไม่ เราจำเป็นต้องเรียนรู้และวัคซีนเป็นวิธีที่ปลอดภัยกว่า พร้อมกับอ้างคำกล่าวของ เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส (Tedros Adhanom Ghebreyesus) เลขาธิการองค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ระบุว่า การลดนโยบายลงจากการกักกันโรคเป็นแนวคิดที่ผิดและอันตราย
ล่าสุดวันที่ 15 มี.ค. 2563 เว็บไซต์ นสพ. The Irish Times ของไอร์แลนด์ เสนอข่าว “Herd immunity is not our policy, says UK’s health secretary” อ้างคำให้สัมภาษณ์ของ แมทท์ แฮนค็อก (Matt Hancock) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสุขภาพและสวัสดิการสังคมของอังกฤษ ยืนยันว่า รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการลดจำนวนผู้ติดเชื้อ และไม่มีแผนเรื่องการทำให้คนติดเชื้อเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน
ขอบคุณเรื่องจาก
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2020-03-12/johnson-s-u-k-virus-strategy-needs-people-to-catch-the-disease
- https://www.theguardian.com/world/2020/mar/13/herd-immunity-will-the-uks-coronavirus-strategy-work
- https://www.irishtimes.com/news/world/uk/herd-immunity-is-not-our-policy-says-uk-s-health-secretary-1.4203637
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี