เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2563 สำนักข่าว BBC ของอังกฤษ เสนอรายงานพิเศษ Coronavirus: What will a night out be like after lockdown? ว่าด้วยชะตากรรมของสถานบันเทิงที่ผู้คนเคยนิยมไปกินเลี้ยงสังสรรค์ยามค่ำคืนกระทั่งต้องปิดบริการเพราะมาตรการล็อกดาวน์โดยรัฐบาลประเทศต่างๆ เพื่อสกัดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งในอังกฤษนั้น รัฐบาลเปิดเผยว่า บรรดาร้านเหล้าประเภทต่างๆ เช่น บาร์ ผับ ไนท์คลับ อย่างเร็วที่สุดที่จะกลับมาเปิดได้คือวันที่ 4 ก.ค.2563 และแม้กลับมาเปิดได้ ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
อเล็กซ์ แบล็ค (Alex Black) ผู้จัดการไนท์คลับ TheKla เมืองบริสตอล โดยเป็นเรือสินค้าเก่าที่ดัดแปลงให้เป็นสถานที่แสดงดนตรีซึ่งรองรับลูกค้าได้ 600 คน จอดอยู่บริเวณท่าเรือในเมือง กระทั่งการมาของวิกฤติไวรัสโควิด-19 ที่นี่ก็ไม่ต่างจากร้านเหล้าแห่งอื่นๆ ที่มีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ปิดภายในและพื้นที่จำกัดภายนอก แผนการกลับมาเปิดใหม่นั้นมีตั้งแต่การยกเลิกพื้นที่เต้นรำ การจัดพื้นที่ด้านนอกต้องสามารถเว้นระยะห่างได้ การจองโต๊ะสำหรับดื่มเครื่องดื่มต้องพึ่งพาระบบออนไลน์ แม้กระทั่งห้องน้ำกลางแจ้ง
แต่แผนปรับเปลี่ยนนี้มีค่าใช้จ่ายทั้งต่อผู้ให้บริการแอพพลิเคชั่น รวมถึงค่าธรรมเนียมการขอใช้ที่ดินพิเศษของสภาเมือง ซึ่งหมายถึงผลกำไรจะมายาก ถึงกระนั้น อเล็กซ์ ยืนยันว่า การแสดงของวงดนตรีหรือการมีดีเจมาเปิดเพลงให้ฟังกันสดๆ จะยังคงมีต่อไปทุกค่ำคืน เพื่อรับประกันค่าเข้าชมตามความเป็นจริง และนั่นคือความพยายามที่ต้องทำเพื่อให้มีรายรับเข้ามาในร้าน
ขณะที่ ฌอน ฮิวจ์ (Sean Hughes) ผู้ก่อตั้งผับ The Boot ในเมืองเซนต์อัลบัน (St Albans) ระบุว่า ร้านของตนรับลูกค้าได้ 70 คน แต่หากต้องเว้นระยะห่าง 2 เมตร จะสามารถรับได้เพียง 5 คน เนื่องจากร้านนั้นแคบมาก เป็นบาร์รูปเกือกม้าที่ระยะห่างจากประตูถึงบาร์อยู่ที่ 2 เมตร และมีโต๊ะวางอยู่รอบๆ ส่วนอีกด้านหนึ่งก็มีห้องน้ำ ทางออกที่เป็นไปได้คือการนำโต๊ะออกไปตั้งบนถนนด้านหน้าร้าน แต่สภาเมืองก็ยังให้ปิดอยู่ ถึงกระนั้น การเข้าคิวรอที่นั่ง การจองผ่านออนไลน์ พนักงานสวมถุงมือและแผ่นใสกั้นใบหน้า อาจทำให้ลูกค้าไม่มาใช้บริการ
ซาชา ลอร์ด (Sacha Lord) ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจกลางคืนแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ กล่าวว่า เมื่อนึกถึงบาร์และผับสิ่งแรกคือต้องมีที่นั่ง เมนูแบบใช้ครั้งเดียวและหน้าจอกระจกอาจเป็นเรื่องธรรมดา แต่มันก็จะไม่ได้บรรยากาศ ส่วน เอมี เลม (Amy Lame) ผู้กว้างขวางในแวดวงตลาดกลางคืนของกรุงลอนดอน กล่าวเสริมว่า ตนไม่คิดว่าในช่วงเศรษฐกิจถดถอย ลูกค้าจะยอมจ่ายมากขึ้นหากทางร้านขึ้นราคาเครื่องดื่ม ดังนั้นการทำกำไรหมายถึงการดิ้นรน ร้านเหล้าจะได้กำไรเมื่อลูกค้าร้อยละ 20 กลุ่มสุดท้ายเดินเข้าร้าน พวกเขาจึงต้องรับคนให้เต็มความจุเท่าที่จะเป็นไปได้
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ในหลายประเทศทั่วโลก ก็ปรากฏความพยายามในการให้สถานบันเทิงยามค่ำคืนกลับมาเปิดท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 เช่นกัน อาทิ เยอรมนี ลานเบียร์กลางแจ้งได้รับอนุญาตให้กลับมาเปิดตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.2563 แต่ต้องปิดในเวลา 22.00 น.และห้ามเต้นรำ ส่วนบาร์กลับมาเปิดในวันที่ 2 มิ.ย.2563 โดยลูกค้าต้องนั่งโต๊ะห่างกัน 1.5 เมตร เปิดได้ถึงเวลา 23.00 น.ส่วนไนท์คลับยังคงปิดต่อไป
ที่เนเธอร์แลนด์ อิตาลีและฝรั่งเศส รัฐบาลเพิ่งอนุญาตให้บาร์กลับมาเปิดทำการได้ แต่ต้องจำกัดปริมาณลูกค้าไม่เกิน 30 คน และที่อิตาลียังมีฉากกั้นพลาสติกใสติดตั้งบนโต๊ะ ส่วนที่สเปน ในวันที่ 8 มิ.ย.2563 บาร์กลับมาเปิดได้ในบางพื้นที่ แต่ไม่อนุญาตให้เต้นรำ ขณะที่ประเทศจีน บาร์เปิดตั้งแต่เดือน มี.ค.2563 แต่มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยติดตามลูกค้า โดยจะต้องใช้แอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือที่มีข้อมูลสุขภาพของแต่ละคน มีการวัดอุณหภูมิ รวมถึงบันทึกชื่อ หมายเลขโทรศัพท์และหนังสือเดินทาง
อเล็กซ์ แบล็ทท์ (Alex Blatt) ชาวอังกฤษที่อาศัยอยู่ในกรุงปักกิ่ง เล่าว่า ประสบการณ์การเข้าร้านเหล้าที่จีนวันนี้แตกต่างไปจากก่อนสถานการณ์โรคระบาดอย่างมาก เพราะต้องใส่ใจว่าตนเองปฏิบัติตามมาตรการครบถ้วนหรือไม่ ตั้งแต่การลงชื่อเข้าใช้บริการ การตรวจวัดอุณหภูมิ การแสดงข้อมูลสุขภาพบนแอพพลิเคชั่น ไปจนต้องรอการอนุญาตให้นั่งโต๊ะ ครั้งแรกมันเป็นความรู้สึกที่ไม่แน่นอนในที่ที่เคยธรรมดา แต่สุดท้ายมันก็ยังเป็นสถานที่ที่ผู้คนไปพักผ่อน
กลับมาที่ประเทศอังกฤษ ที่ที่ผู้ประกอบการร้านเหล้ากังวลเรื่องมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ไมค์ คิล (Mike Kill) ซีอีโอของสมาคมอุตสาหกรรมกลางคืน ให้ความเห็นว่า การเว้นระยะห่าง 2 เมตร จะทำให้มีผับ - บาร์ ราวร้อยละ 30 - 40 และไนท์คลับในจำนวนน้อยกว่านั้นที่สามารถกลับมาเปิดได้ แต่หากเว้นระยะห่าง 1.5 เมตร จำนวนร้านจะกลับมาร้อยละ 50 และหากอยู่ที่ 1 เมตร จะกลับมาร้อยละ 60
แต่อีกร้อยละ 40 ที่ไม่สามารถดำเนินการได้ หนึ่งในนั้นคือร้าน The Jazz Cafe ในย่าน Camden ทางตอนเหนือของกรุงลอนดอน รัวรี ฟรีว (Ruari Frew) หัวหน้าฝ่ายดนตรี กล่าวว่า ตนพยายามหาตัวอย่างโลจิสติกส์เกี่ยวกับระยะทางและจำนวนผู้คนที่สามารถเข้าไปได้แล้วคิดว่าไม่สมเหตุสมผล ทั้งนี้ ในขณะที่มาตรการเข้มงวดของรัฐบาลเมืองผู้ดีจะสิ้นสุดในเดือน ต.ค.2563 ร้านแห่งนี้พยายามดิ้นรนเพื่อจะอยู่รอดถึงปี 2564 ผ่านการระดมทุน
รายงานข่าวยังกล่าวอีกว่า ผู้ประกอบการสถานบันเทิงยามค่ำคืนในอังกฤษเรียกร้องความชัดเจนจากรัฐบาลว่าจะอนุญาตให้กลับมาเปิดได้เมื่อไรและอย่างไร ซึ่งโฆษกรัฐบาลอังกฤษ กล่าวว่า ในแผนกลยุทธ์ด้านธุรกิจ พลังงานและอุตสาหกรรม มุ่งหวังการทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับธุรกิจต่างๆ ในภาคบริการเพื่อช่วยให้พวกเขาได้กลับมาเปิดทำการอีกครั้ง แต่ไม่ว่าคำแนะนำของรัฐบาลจะเป็นอย่างไร คงต้องใช้เวลาสักพักกว่าที่การสังสรรค์ยามค่ำคืนอันเป็นเรื่องคุ้นเคยจะกลับมา
ขอบคุณเรื่องจาก : https://www.bbc.com/news/uk-52875126
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี