ซานฟรานซิสโก/นิวยอร์ก (เอเอฟพี/รอยเตอร์/บีบีซี นิวส์) - สตาร์บัคส์กลายเป็นบริษัทใหญ่รายล่าสุดที่เข้าร่วมกับลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทโฆษณา อย่างเป๊ปซี่โค, โคคา-โคลา และยูนิลัเวอร์ ที่ประกาศจะงดการโฆษณาในสื่อสังคมออนไลน์ ที่รวมถึงเฟซบุ๊คและทวิตเตอร์อย่างน้อย 30 วัน ระบุสื่อออนไลน์ยักษ์ใหญ่ไม่สามารถจัดการกับเฮทสปีชหรือวาทกรรมสร้างความเกลียดชังได้ดีพอ
โฆษกของสตาร์บัคส์ เครือร้านกาแฟรายใหญ่ของสหรัฐที่มีสาขาไปทั่วโลกระบุในแถลงการณ์ว่า จะบอยคอตต์งดลงโฆษณาในสื่อสังคมออนไลน์อย่างเฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรมเป็นเวลา 30 วัน แต่จะไม่รวมถึงยูทูบที่มีกูเกิ้ลเป็นเจ้าของ และว่าการตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากไม่ต้องการเห็นสื่อออนไลน์เป็นช่องทางเผยแพร่เฮทสปีช หรือวาทกรรมสร้างความเกลียดชัง รวมถึงการเหยียดผิวและเชื้อชาติอีกต่อไป บริษัทจะโพสต์ข้อความและข่าวสารผ่านช่องทางสื่อออนไลน์เช่นเดิม แต่จะงดการจ่ายเงินโฆษณา
ก่อนหน้านี้ ลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทโฆษณา อย่างเป๊ปซี่โค, โคคา-โคลา และยูนิลีเวอร์ ก็ประกาศจะงดการโฆษณาในสื่อสังคมออนไลน์ ที่รวมถึงเฟซบุ๊คและทวิตเตอร์ไปจนถึงสิ้นปีนี้จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย โดยระบุตรงกันว่า ในเมื่อโลกไม่มีพื้นที่ให้แก่การเหยียดเชื้อชาติและการสร้างวาทกรรมเกลียดชัง สื่อสังคมออนไลน์ก็ไม่ควรมีพื้นที่ให้เช่นเดียวกัน พร้อมเรียกร้องให้บริษัทสื่อสังคมออนไลน์จำเป็นต้องมีความรับผิดชอบและโปร่งใสให้มากขึ้น คาดว่าในขณะนี้มีกว่า 160 บริษัทที่ร่วมแสดงจุดยืนดังกล่าว ผ่านแคมเปญ #StopHateForProfit ขณะเดียวกัน กลุ่มสิทธิพลเมืองกำลังเรียกร้องไปยังธุรกิจในยุโรปและทั่วโลกให้ร่วมแบนโฆษณาลงสื่อออนไลน์ด้วยเช่นกัน
กระแสต่อต้านนี้อาจส่งผลต่อรายได้ของเฟซบุ๊ค ที่มีรายได้จากโฆษณาปีละประมาณ 70,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2.2 ล้านล้านบาท โดยมีเม็ดเงินจากยูนิลีเวอร์ ถึง 1 ใน 4 ซึ่งยูนิลีเวอร์ เพิ่งประกาศระงับใช้เงินโฆษณาในเฟซบุ๊ค ทำให้ราคาหุ้นเฟซบุ๊คร่วงไป 8.3% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่ากว่า 7,200 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 200,000 ล้านบาท
ด้านเฟซบุ๊คแถลงว่า จะแบนโฆษณาที่มีเนื้อหาเกลียดชังให้ครอบคลุมมากขึ้น หลังจากถูกประท้วงเรื่องไม่จัดการกับโพสต์ยั่วยุ ที่ผ่านมา เฟซบุ๊คถูกกดดันอย่างหนักให้จัดการปัญหาวาทกรรมสร้างความเกลียดชังและการให้ข้อมูลผิดๆ หลังจากสื่อสังคมออนไลน์อื่นอย่างทวิตเตอร์ ได้ใช้วิธีการแปะป้ายให้คนรู้ว่า สิ่งที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ได้ทวีตในแต่ละครั้งเป็นความเท็จหรือมีข้อความยั่วยุ แต่มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊คปฏิเสธที่จะระบุว่าโพสต์ของทรัมป์มีข้อมูลเท็จ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี