ชาวอเมริกันติดเชื้อโควิด-19 ทะลุ 3 ล้านคน สมาคมแพทย์ พยาบาลและรพ.ในสหรัฐออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้ประชาชนเพิ่มความจริงจัง สวมหน้ากากอนามัย และรักษาระยะห่าง เพื่อลดอัตราการติดเชื้อไวรัสมรณะ ขณะที่นครเมลเบิร์น ของออสเตรเลีย เตรียมใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง หลังตัวเลขการติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นในรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ด้าน“อินเดีย” ยอดผู้เสียชีวิตสะสมมากกว่า 2 หมื่นศพ
เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือโควิด-19 ทั่วโลกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 170,407 ราย ในหนึ่งวันที่ผ่านมา ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อรวมทั่วโลกอยู่ที่ 11,731,895 ราย
สหรัฐซึ่งเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตสูงที่สุดในโลกได้สร้างสถิติใหม่อีกครั้งเมื่อมีผู้ป่วยทะลุ 3,039,974 ราย หลังมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 49,727 ราย บราซิลยังรั้งอันดับ 2 ด้วยผู้ป่วย 1,626,071 ราย แอฟริกาใต้กลายเป็นประเทศที่ 15 ของโลกที่มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 2 แสนราย หลังมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 8,971 ราย ในหนึ่งวันที่ผ่านมา ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อรวมอยู่ที่ 205,721 ราย กาตาร์ เป็นประเทศที่ 21 ของโลกที่มีผู้ติดเชื้อมากกว่าแสนคนที่ 100,345 ราย
ขณะที่ผู้เสียชีวิตทั่วโลกพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 540,116 ราย โดยมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 3,562 รายในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา แต่ไม่มีประเทศไหนที่มีผู้เสียชีวิตหลักพัน สหรัฐยังมีผู้เสียชีวิตมากที่สุดที่ 132,961 ตามด้วยบราซิล 65,556 ราย อังกฤษ 44,236 ราย อิตาลี 34,869 เม็กซิโก 30,639 ราย ฝรั่งเศส 29,920 ราย สเปน 28,388 ราย อินเดียมีผู้เสียชีวิต 20,174 ราย อิหร่าน 11,731 ราย เปรู 10,772 ราย และรัสเซีย 10,296 ราย สำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจนหายดีแล้วอยู่ที่ 6,623,170 ราย
แพทย์สหรัฐวอนยึดมาตรการเข้ม
ที่กรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา สมาคมการแพทย์อเมริกัน (เอเอ็มเอ) สมาคมพยาบาลอเมริกัน (เอเอ็นเอ) และสมาคมโรงพยาบาลอเมริกัน (เอเอชเอ ) เผยแพร่แถลงการณ์ร่วมกัน ขอให้ประชาชนในประเทศเพิ่มความจริงจังกับแนวทางปฏิบัติด้านสาธารณสุข เพื่อชะลออัตราการติดเชื้อและลดความเสี่ยงจากการติดและการแพร่โรคโควิด-19 ด้วยการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า และการรักษาระยะห่างทางสังคม ที่หลายฝ่ายหย่อนยานมากขึ้น นับตั้งแต่มีการทยอยผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
ท่าทีของกลุ่มองค์กรด้านสาธารณสุขใหญ่ที่สุดของสหรัฐเกิดขึ้นในขณะที่อย่างน้อย 41 จาก 50 รัฐในสหรัฐ และกรุงวอชิงตัน มีอัตราการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มรัฐทางตะวันตกและทางใต้ ซึ่งแอริโซนากลายเป็นรัฐที่มีอัตราการติดเชื้อต่อหัวประชากรมากที่สุดในประเทศ คือ 13.4% ขณะที่อัตราเฉลี่ยของการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ต่อหัวประชากรในสหรัฐอยู่ที่ประมาณ 9% ซึ่งยังสูงกว่าเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) อย่างมาก ที่ระบุว่าไม่ควรสูงกว่า5% ทั้งนี้ จำนวนผู้ป่วยสะสมในรัฐแอริโซนาเพิ่มมากกว่า 100,000คน จากจำนวนดังกล่าวประมาณ 60% เป็นผู้มีอายุต่ำกว่า 44 ปี ในขณะที่ความจุของเตียงรับผู้ป่วยในรัฐแอริโซนาอยู่ที่ 89% ของความจุทั้งหมด
‘ชิคาโก’เตรียมใช้การกักตัว14วัน
ทางการนครชิคาโกจะใช้มาตรการกักตัว 14 วัน สำหรับบุคคลที่เดินทางมาจาก 15 รัฐ ที่พบว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงขึ้น โดยบุคคลเหล่านี้จะต้องกักตัวในบ้านพักเป็นเวลา 14 วัน หลังเดินทางมาถึงและจะออกนอกบ้านได้เฉพาะการไปหาหมอหรือเข้ารับการตรวจหาเชื้อโรคโควิด-19 เท่านั้น
นายกเทศมนตรีชิคาโกกล่าวว่า การกำหนดมาตรการดังกล่าวเพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่นครชิคาโกสามารถควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก่อนหน้านี้ โดยจะครอบคลุมถึงพลเมืองชิคาโก ที่เดินทางกลับมาจาก 15 รัฐที่กำหนดด้วย สำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนอาจถูกปรับเงินระหว่างวันละ 100 และ 500 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอาจถูกปรับสูงสุดเป็นเงินถึง 7,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 220,000 บาท
‘เมลเบิร์น’เตรียมล็อกดาวน์รอบ2
ขณะที่ประชาชนกว่า 5 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในนครเมลเบิร์น เมืองเอกของรัฐวิคตอเรีย ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของออสเตรเลีย ต้องอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้งเป็นเวลา 6 สัปดาห์ หลังจากจำนวนผู้ติดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในเมืองพุ่งสูงขึ้นอีกครั้งในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
นายแดเนียล แอนดรูว์ส มุขมนตรีรัฐวิคตอเรีย กล่าวว่า มาตรการล็อกดาวน์จะเริ่มบังคับใช้หลังเที่ยงคืนวันพุธ และจะมีผลไปอย่างน้อย 6 สัปดาห์ พร้อมกับเตือนพลเมืองชาวเมลเบิร์นว่าเราไม่สามารถแสร้งทำเป็นว่าวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาได้จบลงแล้ว โดยนครเมลเบิร์นพบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น 191 คนใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และขณะนี้ยังมีกรณีการระบาดที่เกิดขึ้นจำนวนมากที่กำลังอยู่ระหว่างการติดตามตรวจสอบ ซึ่งตัวเลขค่อนข้างสูง ไม่มีใครต้องการอยู่ในจุดนี้ ตนรู้ดีว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจะใหญ่โตมาก และเป็นเรื่องท้าทายที่เราต้องรับมือ
ทั้งนี้ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ โรงเรียนส่วนใหญ่ต้องกลับไปทำการเรียนการสอนแบบออนไลน์ ขณะที่ร้านอาหารและคาเฟ่จะต้องจำกัดการขายเฉพาะการซื้ออาหารกลับบ้านเท่านั้น
แม้คำสั่งล็อกดาวน์รอบใหม่จะครอบคลุมเฉพาะนครเมลเบิร์น แต่พรมแดนของรัฐวิคตอเรียทั้งหมดก็จะถูกปิดจากพื้นที่ส่วนอื่นๆ ของประเทศจตั้งแต่เที่ยงคืนวันอังคารที่ 7 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป โดยจะมีการนำตำรวจและทหารคอยลาดตระเวนตามจุดผ่านแดนต่างๆ รวมถึงมีการใช้อากาศยานไร้คนขับและอากาศยานอื่นๆ เพื่อเฝ้าระวังพรมแดนระหว่างรัฐด้วย
อินเดียเสียชีวิตทะลุ2หมื่นคน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขของอินเดียรายงานเมื่อวันอังคาร เกี่ยวกับสถานการณ์โรคโควิด-19 ในรอบ 24 ชั่วโมงล่าสุด ว่ามีผู้ป่วยยืนยันอีก 22,252 คน เพิ่มสถิติผู้ป่วยสะสมในประเทศเป็นอย่างน้อย 719,665 คน และในวันเดียวกันมีการยืนยันผู้เสียชีวิตอีก 467 คน เพิ่มจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมจากโรคโควิด-19 ในอินเดียเป็นอย่างน้อย 20,160 คน
ทั้งนี้ แม้อัตราการเสียชีวิตจากโรคดังกล่าวในอินเดียยังถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับจำนวนประชากร 10,000 คน โดยอยู่ที่เพียง 0.15 ขณะที่อัตราส่วนของสหรัฐอยู่ที่ 3.97 และสูงถึง 6.65 ในสหราชอาณาจักร อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้เสียชีวิตสะสมในอินเดียตอนนี้มากที่สุดในทวีปเอเชีย และเป็นอันดับ 7 ของโลก รองจากสหรัฐ บราซิล สหราชอาณาจักรอิตาลี ฝรั่งเศส และสเปน
ทั่วโลกติดเชื้อ11.7ล้านดับ5.4แสน
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก นับจนถึงช่วงเย็นวันที่ 7 กรกฎาคม 2563 มีผู้ติดเชื้อรวม 11,764,563 ราย ผู้เสียชีวิตรวม 541,242 ราย รักษาหายรวม 6,758,611 ราย สหรัฐ ติดเชื้อ 3,041,129 ราย เสียชีวิต 541,242 ราย บราซิล ติดเชื้อ 1,626,071 ราย เสียชีวิต 65,556 ราย อินเดีย ติดเชื้อ 721,310 ราย เสียชีวิต 20,184 ราย รัสเซีย ติดเชื้อ 694,230 ราย เสียชีวิต 10,494 ราย เปรู ติดเชื้อ 305,703 ราย เสียชีวิต 10,772ราย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี