เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2563 สำนักข่าวบลูมเบิร์ก เสนอข่าว Thai Massage Loses Its Charm Behind Masks, Social Distancing ระบุว่า แม้จะกลับมาเปิดทำการได้อีกครั้ง แต่บรรดาร้านนวดแผนไทยก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เนื่องจากต้องปฏิบัติตามมาตรการลดความเสี่ยงการระบาดของไวรัสโควิด-19 อาทิ Wiboon Utsahajit ประธานของ Siam Wellness Group Pcl บริษัทที่มีกิจการร้านนวดและสปาถึง 70 แห่งทั่วประเทศ ยอมรับว่า การกลับมาเปิดใหม่ต้องลงทุนสูงขึ้น เช่น ติดตั้งอุปกรณ์ฆ่าเชื้อด้วยแสงอุลตราไวโอเลตในทุกห้อง รวมถึงการทำความสะอาด ในขณะที่ลูกค้ามีจำนวนน้อยลง
สำหรับประเทศไทย กิจการนวดแผนไทยมีความสำคัญต่อการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (wellness tourism) โดยในปี 2560 มีเม็ดเงินในส่วนนี้ถึง 1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือเกือบ 4 แสนล้านบาท รายงานของ Global Wellness Institute ระบุว่า เม็ดเงินดังกล่าวสูงกว่าที่เพื่อนบ้านใกล้กันอย่างมาเลเซียและอินโดนีเซียทำได้รวมกันเสียอีก โดยมีคนไทย 530,000 คนทำงานอยู่ในภาคส่วนนี้ หรือเท่ากับร้อยละ 1.4 ของกำลังแรงงานไทย และมีสัดส่วนร้อยละ 2.6 ของผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ของไทยต่อปี
ข้อมูลจากกระทรวงกระทรวงสาธารณสุขของไทย ระบุว่า ทั่วประเทศไทยมีร้านนวดแผนไทยประมาณ 10,000 แห่ง ขณะที่จำนวนสปาแบบหรูหรามีอยู่ 2,800 แห่ง คิดเป็นมูลค่า 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 4 หมื่นล้านบาท ซึ่ง สมประวิณ มันประเสริฐ (Somprawin Manprasert) ผู้บริหารสายงานวิจัยและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า พนักงานนวดเป็นอาชีพที่ใช้แรงงานมากและเป็นทักษะเฉพาะทาง จึงยากที่จะเปลี่ยนไปทำอาชีพอื่น การแข่งขันในวงการนี้มีมากอยู่แล้วด้วยจำนวนร้านที่มาก การอยู่รอดจึงเป็นเรื่องท้าทาย
ทั้งนี้ จากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ประเทศไทยกำลังเปลี่ยนแนวคิดจากการต้อนรับนักท่องเที่ยวจำนวนมากไปสู่การเน้นเฉพาะนักท่องเที่ยวมีฐานะร่ำรวย ผลที่ตามมาคือมันจะไม่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการจ้างงานจำนวนมาก สมประวิณ ให้ความเห็นว่า ข้อจำกัดการเดินทางจะจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในขณะที่ตลาดในประเทศก็มีแรงกดดันจากผู้คนที่รายได้ลดลงและต้องใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากขึ้น
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ย้อนไปในทศวรรษ 1990s (ปี 2533-2542) ช่วงปลายยุคดังกล่าวประเทศไทยเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ทางการไทยในขณะนั้นได้หาทางออกให้กับผู้ว่างงานด้วยการฝึกอบรมทักษะการนวดแผนไทย ซึ่งเป็นอาชีพที่ไม่ต้องคำนึงถึงวุฒิการศึกษา จากนั้นในปี 2541 Siam Wellness จึงก่อตั้งเป็นแห่งแรกในฐานะบริษัทด้านสถานประกอบการนวดแผนไทยและสปา และเมื่อผ่านไปอีก 10 ปีซึ่งก็มีวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่อีกครั้ง นวดแผนไทยก็ได้เข้าไปมีบทบาทสำคัญในฐานะการส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ
ขณะที่ Natthawipa Sangkakit ซึ่งมีครอบครัวทำกิจการร้านนวด Phikul Massage and Spa ในย่านชานเมืองของกรุงเทพฯ ระบุว่า ในช่วงล็อกดาวน์ที่ร้านนวดเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ถูกสั่งปิด บรรดาพนักงานนวดส่วนใหญ่ก็กลับภูมิลำเนา และแม้จะกลับมาเปิดได้แต่ด้วยจำนวนลูกค้าที่ลดลง ทำให้พนักงานบางคนเลือกที่จะกลับไปทำเกษตรที่บ้านหรือออกไปหางานอื่นๆ
กิจการนวดแผนไทยส่วนใหญ่เป็นร้านเล็กๆ ริมถนน คิดค่าบริการ 3-10 เหรียญสหรัฐ หรือราว 100-300 บาทต่อชั่วโมง ลูกค้าจำนวนมากเป็นคนไทยด้วยกัน ค่าบริการจะถูกแบ่งระหว่างร้านกับพนักงานนวด ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เป็นค่าวัสดุอุปกรณ์ เช่น น้ำมัน และตอนนี้รวมถึงหน้ากากอนามัย กิจการกลุ่มนี้มีแรงงาน 140,000 คน ที่ลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือในฐานะแรงงานนอกระบบ (informal worker) จากรัฐบาล
ยังไม่นับรวมคนที่ลงทะเบียนในฐานะคนทำงานด้านอื่นๆ ด้วยเหตุผลความเป็นส่วนตัว และยังมีพนักงานนวดที่เป็นชาวต่างชาติ รวมถึงพนักงานนวดที่ทำงานในสปาหรูและได้รับเงินเดือนตามโรงแรมและรีสอร์ท อนึ่ง แม้จะได้รับอนุญาตให้กลับมาเปิดอีกครั้ง แต่ร้านนวดหลายแห่งยังคงปิดต่อไปเนื่องด้วยอุปสรรคด้านสุขภาพและการท่องเที่ยวอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน
รายงานข่าวยังกล่าวอีกว่า ในเร็วๆ นี้ จะมีชาวต่างชาติจากบางประเทศได้รับอนุญาตให้เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้ ภายใต้โครงการแลกเปลี่ยนการเดินทาง (Travel Bubble) แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่า นักท่องเที่ยวจากประเทศเหล่านี้จะได้รับบริการเสมือนช่วงก่อนการระบาดของไวรัสโควิด-19 หรือไม่ ซึ่งในเดือน ธ.ค. 2562 นวดแผนไทยได้รับการรับรองจาก “ยูเนสโก” (UNESCO) องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
ขณะที่ เกาเจ๋อฮุย (Gao Ze Hui) ผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรมนุษย์ในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน กล่าวว่า ตนเคยไปเยือนประเทศไทย 2 ครั้งและได้ใช้บริการร้านนวดแผนไทย แต่การนวดนั้นต้องดีต่อสุขภาพ ดังนั้นตอนนี้ต้องระวังในเรื่องนี้ด้วย
ขอบคุณเรื่องจาก : https://www.bnnbloomberg.ca/thai-massage-loses-its-charm-behind-masks-social-distancing-1.1463975
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี