16 กรกฎาคม 2563 สำนักข่าวซินหัวรายงาน เจย์ อินส์ลี ผู้ว่าการรัฐวอชิงตันของสหรัฐฯ เผยว่าหลายเทศมณฑลของวอชิงตันจะระงับการเดินหน้าเปิดเมืองระยะใหม่อย่างน้อยไปจนถึงวันที่ 28 ก.ค. หลังยอดผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ยังเพิ่มสูงขึ้น

อินส์ลีกล่าวว่า “เทศมณฑลของวอชิงตันจะหยุดการเปิดเมืองไว้ที่ระยะปัจจุบัน จนกว่าพวกเขาจะสามารถกลับมารับมือการเดินหน้าเพื่อเปิดเมืองระยะถัดไปได้อีกครั้ง” พร้อมเตือนว่าหากตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ยังคงพุ่งต่อเนื่อง เขาอาจต้องลดระดับความพยายามในการทยอยเปิดเมืองบางส่วน ที่ได้เตรียมดำเนินการมาในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

อินส์ลีกระตุ้นเตือนประชาชนให้สวมหน้ากากอนามัยและรักษาระยะห่างทางสังคม เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 แพร่ระบาดเพิ่มเติม

ผู้ว่าการรัฐเผยว่ามีประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในเทศมณฑลแยคิมา ซึ่งเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 หนักหน่วงที่สุด เพียงร้อยละ 35 เมื่อนับถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม แม้ตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 95 แล้วในปัจจุบัน พร้อมระบุว่า “จำนวนผู้ป่วย อัตราการติดเชื้อ และการรักษาตัวในเทศมณฑลแยคิมาดูเหมือนจะลดลงแล้ว แม้ตอนนี้จะเป็นช่วงแรกๆ แต่อย่างน้อยก็นับเป็นสัญญาณที่ดีว่าหน้ากากอนามัยช่วยเราเอาชนะไวรัสชนิดนี้ได้”

เมื่อวันอังคาร (14 ก.ค.) หน่วยงานสาธารณสุขรัฐวอชิงตันยืนยันตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่ม 547 ราย และผู้ป่วยเสียชีวิต 5 ราย

ทั้งนี้ ศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (CSSE) มหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส์ รายงานว่าจำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในวอชิงตันสะสมอยู่ที่ 43,046 ราย และจำนวนผู้ป่วยเสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 1,421 ราย โดยคิดเป็นอัตราการเสียชีวิตร้อยละ 3.3 เมื่อนับถึง 12.30 น. ของวันพฤหัสบดี (16 ก.ค.) ตามเวลาประเทศไทย