วอชิงตัน/ไทเป/ปักกิ่ง (รอยเตอร์) - สหรัฐประกาศว่า จะส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดในรอบหลายสิบปี เดินทางไปเยือนไต้หวัน ขณะที่จีนเตือนว่า การที่รัฐมนตรีในรัฐบาลสหรัฐเตรียมเยือนไต้หวันกำลังทำให้สันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาคตกอยู่ในอันตราย

สถาบันอเมริกันในไต้หวัน ซึ่งโดยพฤตินัยแล้วเปรียบเสมือนสถานทูตสหรัฐประจำไต้หวันยืนยันว่า นาย อเล็กซ์ อาซาร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขสหรัฐจะนำคณะผู้แทนเดินทางไปเยือนไต้หวันในเร็วๆ นี้ แต่ทั้งสหรัฐและไต้หวันยังไม่เปิดเผยว่าการเยือนดังกล่าวจะมีขึ้นเมื่อใด สถาบันอเมริกันในไต้หวันเปิดเผยว่า นายอาซาร์ถือเป็นรัฐมนตรีสหรัฐคนแรกที่จะเดินทางไปเยือนไต้หวันในรอบ 6 ปี และถือเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดของสหรัฐที่จะไปเยือนไต้หวัน นับตั้งแต่สหรัฐเปลี่ยนไปให้การยอมรับจีนแผ่นดินใหญ่แทนไต้หวันเมื่อปี 2522 และระมัดระวังเรื่องการติดต่อกับไต้หวันอย่างเป็นทางการ แต่ยังคงจัดหาอาวุธให้กับไต้หวัน

ด้านกระทรวงการต่างประเทศของไต้หวันก็ยืนยันข่าวการเดินทางเยือน และว่า รัฐมนตรีสาธารณสุขสหรัฐ จะได้พบกับประธานาธิบดีไช่ อิง-เหวิน ของไต้หวันด้วย ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันกับสหรัฐเป็นไปอย่างอบอุ่นภายใต้รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ที่มักจะใช้ไต้หวัน เป็นไพ่ตายในการเอาคืนจีน เมื่อมีความขัดแย้งกัน ทั้งเรื่องการค้าและการระบาดของโรคโควิด-19

ขณะที่โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนกล่าวระหว่างการแถลงข่าวประจำวันในวันนี้ว่า จีนขอคัดค้านอย่างแข็งขันต่อการแลกเปลี่ยนอย่างเป็นทางการระหว่างสหรัฐกับไต้หวัน ขอเรียกร้องให้สหรัฐยึดมั่นตามหลักการจีนเดียว หลีกเลี่ยงการทำให้ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐตกอยู่ในอันตราย รวมไปถึงสันติภาพและเสถียรภาพข้ามช่องแคบไต้หวัน ส่วนนายชุย เทียนไข่ เอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐ กล่าวต่อที่ประชุมความมั่นคงแอสเพนที่จัดขึ้นเสมือนจริงผ่านแอปพลิเคชันซูม (Zoom) ระบุว่า จีนไม่ประสงค์ที่จะเห็นความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐเพิ่มขึ้นอีก หลังการปิดสถานกงสุลใหญ่ของกันและกันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และเขาไม่คิดว่าสงครามเย็นครั้งใหม่จะเป็นประโยชน์แก่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีน สองประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจเสื่อมทรามลงอย่างมากตั้งแต่เดือนที่แล้ว หลังจากสหรัฐได้สั่งจีนปิดสถานกงสุลจีนในฮิวสตัน และทำให้จีนตอบโต้กลับด้วยการปิดสถานกงสุลสหรัฐในนครเฉิงตู