5 ต.ค.2563 เว็บไซต์ นสพ.Daily Mail ของอังกฤษ เสนอข่าว 'I don't want to lie': Gay pioneer stands in Myanmar election ระบุว่า เมียว มิน ตัน (Myo Min Tun) ชายหนุ่มที่เปิดเผยว่าตนเองเป็นเกย์ ตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งระดับภูมิภาคในเมียนมา โดยหวังว่าหากได้รับเลือกเข้าไปในสภาเมืองมัณฑะเลย์ จะนำปัญหาของผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBT) เข้าไปหารือเพื่อยกระดับสิทธิของคนกลุ่มนี้ให้ดีขึ้น

หนุ่มเกย์รายนี้เล่าว่า เพื่อนๆ ที่เป็นกลุ่มคนรักเพศเดียวกันถูกละเมิดสิทธิ เช่น มีสาวประเภทสองถูกตำรวจบังคับถอดเสื้อขั้นในและให้คุกเข่าอย่างน่าอับอายพร้อมกับถูกเนื้อต้องตัวอย่างไม่เหมาะสม ส่วนตนเองซึ่งปัจจุบันวัย 39 ปี เป็นทั้งคนขายดอกไม้ พ่อครัวร้านก๋วยเตี๋ยว รวมถึงเป็นอาสาสมัครด้านการป้องกันโรคเอดส์ ยอมรับว่าโชคดีที่ไม่โดนเลือกปฏิบัติอย่างคนอื่นๆ โดยตนเริ่มรู้ว่าเป็นคนรักเพศเดียวกันเมื่ออยู่ชั้น ม.3 ผู้เป็นพ่อไม่พอใจอย่างมากจนถึงวันที่เสียชีวิต แม้จะไม่เคยทำร้ายร่างกายตนก็ตาม อนึ่ง สมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัว รวมถึงเพื่อนบ้าน ยังสนับสนุนให้ตนลงสนามการเมืองครั้งนี้ด้วย

รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า เมียนมายังมีกฎหมายกำหนดให้การรักเพศเดียวกันเป็นความผิด ซึ่งเป็นมรดกตกค้างมาตั้งแต่สมัยยังอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ อย่างไรก็ตาม ในเดือน ก.พ. 2563 มีการจัดงานเดินขบวนของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ โดยมีผู้เข้าร่วมประมาณ 1 หมื่นคน เรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมายดังกล่าว ทั้งนี้ ในสังคมเมียนมาที่มีความอนุรักษ์นิยม ยังพบการเลือกปฏิบัติต่อกลุ่มคนรักเพศเดียวกัน เช่น การดูหมิ่นกลั่นแกล้งในที่ทำงาน โดยนายจ้างไม่รับผิดชอบใดๆ และมองว่าผู้ถูกกระทำนั้นอ่อนแอทางจิตใจ

อนึ่ง ในการเลือกตั้งใหญ่ทั่วประเทศเมียนมา ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 8 พ.ย. 2563 มีการคาดเดาว่า พรรค NLD ของ อองซานซูจี (Aung San Suu Kyi)ที่เป็นรัฐบาลในปัจจุบัน น่าจะได้รับชัยชนะต่ออีกสมัย ซึ่งพรรคดังกล่าวมีนโยบายต่อต้านการเลือกปฏิบัติต่อกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ แต่กลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน มองว่าไม่ได้ดำเนินการอะไรอย่างเป็นรูปธรรม ขณะที่ เมียว มิน ตัน ลงสมัครในนามพรรค People's Pioneer Party เพราะมีจุดยืนต่อต้านการเลือกปฏิบัติ และเป็นพรรคที่ได้รับความนิยมในหมู่คนรุ่นใหม่

ถึงกระนั้น เท็ด เท็ด ขิ่น (Thet Thet Khine) หัวหน้าพรรค ยอมรับว่าวันนี้ยังไม่ภึงเวลาของการยกเลิกความผิดฐานรักเพศเดียวกัน แม้ว่ามันจะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ก็ตาม เพราะนอกจากผู้คนจะไม่สนใจแล้วยังอาจเจอกระแสตีกลับอย่างรุนแรงหากรีบออกตัวเรื่องดังกล่าว แต่ทาง  เมียว มิน ตัน แม้จะไม่ได้บอกกับพรรคว่าตนเป็นเกย์ แต่ก็ได้เปิดเผยต่อสาธารณะ เพราะไม่อยากโกหกประชาชนเพื่อหวังคะแนนเสียง