บรรษัทแพร่ภาพและกระจายเสียงแห่งออสเตรเลีย รายงานคาดการณ์จากคะแนนที่นับไปแล้วมากกว่า 2 ใน 3 และจะมีการนับคะแนนที่เหลือในวันนี้ (5 พ.ค.) ว่า พรรคแรงงานสายกลางซ้ายของนายกรัฐมนตรี แอนโทนี อัลบาเนซี มีแนวโน้มจะกวาดที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรได้ไม่ต่ำกว่า 85 ที่นั่ง เพิ่มขึ้นจาก 77 ที่นั่งในการเลือกตั้งครั้งก่อนเมื่อปี 2565 หักปากกาเซียนของสำนักสำรวจส่วนใหญ่ ที่คาดว่าพรรคจะต้องดิ้นรนครั้งใหญ่เพื่อรักษาเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด 150 ที่นั่ง

ด้านพรรคเสรีนิยมที่เป็นพรรคฝ่ายค้าน คาดว่าจะได้เพียง 39 ที่นั่ง โดยเสียอย่างน้อย 19 ที่นั่งจากการเลือกตั้งครั้งก่อน แม้แต่ ปีเตอร์ ดัตตัน หัวหน้าพรรคยังสอบตก พ่ายการเลือกตั้งในเขตของตนเอง ทั้งที่พรรคเสรีนิยมและพรรคเนชันนัลที่จับมือกันเป็นพันธมิตรฝ่ายค้านสายอนุรักษนิยมมีคะแนนนิยมนำพรรคแรงงานมาตลอดเป็นเวลา 9 เดือนจนถึงเดือนมีนาคม เนื่องจากประชาชนไม่พอใจผลงานของรัฐบาลในการแก้ปัญหาเงินเฟ้อ

มีรายงานว่า ดัตตัน ออกมายอมรับความพ่ายแพ้ หลังเผชิญชะตากรรมแบบเดียวกับบรรดาหัวอนุรักษ์นิยมของแคนาดา ที่ประสบความพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งก่อนหน้านี้

ขณะที่ อัลบาเนซี ถือเป็นนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียคนแรกที่คว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งเป็นสมัย 2 ติดต่อกันในรอบกว่า 2 ทศวรรษ

ทั้งนี้ แรงกดดันค่าครองชีพและความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการค้าและนโยบายอื่นๆ ที่ผันผวนของรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นหนึ่งในประเด็นลำดับต้นๆ ของผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งชาวออสเตรเลีย กระแสพลิกผันเมื่อฝ่ายค้านชูนโยบายลดจำนวนลูกจ้างรัฐบาลกลาง และบังคับให้ลูกจ้างรัฐบาลกลางเข้าไปทำงานในสำนักงานสัปดาห์ละ 5 วัน ประกอบกับการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศใช้มาตรการภาษีกับประเทศต่างๆ

โดยที่ออสเตรเลียถูกเก็บร้อยละ 10 ทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องการรัฐบาลเดิมเพื่อสร้างเสถียรภาพมากกว่ารัฐบาลใหม่เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง คล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นในการเลือกตั้งแคนาดาเมื่อวันที่ 28 เมษายน ที่ความวิตกเรื่องภาษีทรัมป์ช่วยให้พรรคเสรีนิยมที่เป็นพรรครัฐบาลชนะเลือกตั้งอีกสมัย ทั้งที่ก่อนหน้านี้คะแนนนิยมตกต่ำและเสี่ยงจะพ่ายการเลือกตั้ง