ชิงดำสุดสูสี
ศึกเลือกตั้ง‘ปธน.สหรัฐ’
‘ทรัมป์’ชนะแล้ว23รัฐ
แต่คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง
ยังตามไบเดน-โวยถูกโกง
คาดผลทางการรอหลายวัน
ผลการคาดการณ์คะแนนคณะผู้เลือกตั้งการเลือกตั้งประธานาธิบดีล่าสุด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน มีคะแนนไล่ตามแบบหายใจรดต้นคอ นายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตแล้ว เจ้าตัวลั่นถูกโกง อ้างมีคนหลายล้านคนลงคะแนนให้เขา แต่มีคนกลุ่มหนึ่งพยายามตัดสิทธิ์คนเหล่านี้
ข้อมูลล่าสุดเว็บไซต์ซีเอ็นเอ็นและเว็บไซต์บรรษัทกระจายเสียงอังกฤษหรือบีบีซี เมื่อเวลา 05.30 น.วานนี้ตามเวลาตะวันออกสหรัฐ ตรงกับเวลา 17.30 น.ตามเวลาในไทย คาดการณ์ว่าประธานาธิบดีทรัมป์มีคะแนนคณะผู้เลือกตั้งตามไบเดน 213 ต่อ 224 คะแนน หลังจากผลการนับคะแนนในรัฐสวิงสเตทสำคัญอย่างฟลอริดา โอไฮโอ และเทกซัสที่มีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 29 คะแนน 18 คะแนน และ 38 คะแนนตามลำดับชี้ว่าทรัมป์กวาดชัยชนะ ผลคะแนนในรัฐฟลอริดาที่นับไปแล้วร้อยละ 96 ชี้ว่า ทรัมป์ชนะไบเดนร้อยละ 51.2 ต่อ 47.8 ผลคะแนนในรัฐโอไฮโอที่นับไปแล้วร้อยละ 90 ชี้ว่าทรัมป์ชนะไบเดนร้อยละ 53.3 ต่อ 45.2 และผลคะแนนในรัฐเทกซัสที่นับแล้วร้อยละ 93 ชี้ว่าทรัมป์ชนะไบเดนร้อยละ 52.2 ต่อ 46.3 รายงานระบุด้วยว่าจนถึงตอนนี้การนับคะแนนใน 40 รัฐจากทั้งหมด 50 รัฐ ชี้ว่าทรัมป์น่าจะชนะใน 23 รัฐ ทั้งนี้ ไบเดนได้คะแนนประชาชน (popular votes) 67,332,657 คะแนนคิดเป็นร้อยละ 50.0 ส่วนทรัมป์ได้ไปแล้ว 65,259,702 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 48.4
ขณะที่ นายไบเดนคาดว่าจะสามารถคว้าชัยในรัฐแอริโซนา ซึ่งเป็นรัฐที่มีคะแนนสูสีและประธานาธิบดีทรัมป์เคยได้รับชัยชนะไปเมื่อ 4 ปีก่อน รวมถึงน่าจะเก็บชัยชนะในรัฐส่วนใหญ่ที่เป็นฐานเสียงของพรรคเดโมแครตไว้ได้ นายไบเดน วัย 77 ปีกล่าวต่อบรรดาผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตผ่านการถ่ายทอดสดทั่วประเทศจากบ้านเกิดที่เมืองวิลมิงตันในรัฐเดลาแวร์ว่า เขาเชื่อมั่นว่าจะชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ แต่ผลการนับคะแนนยังไม่สิ้นสุดจนกว่าจะนับทุกคะแนนเสียง
ขณะเดียวกัน ภายหลังนายไบเดนแสดงความมั่นใจว่าจะชนะการเลือกตั้ง ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ทวิตข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า เรากำลังได้รับชัยชนะ แต่พวกเขาพยายามโกงการเลือกตั้ง และว่าร้ายการนับคะแนนเลือกตั้งอย่างถูกกฎหมายด้วยการพูดเป็นนัยว่า ความพยายามนับคะแนนให้ครบทุกคะแนนเป็นความพยายามตัดสิทธิผู้สนับสนุนเขา ผู้นำสหรัฐวัย 74 ปี อ้างโดยไม่มีหลักฐานสนับสนุนว่า มีการโกงอเมริกันชน เป็นเรื่องน่าละอายต่อประเทศ ทั้งที่จริงแล้วเขาชนะการเลือกตั้ง และจะร้องเรียนต่อศาลฎีกา เพราะต้องการให้หยุดการนับคะแนนทั้งหมด
ท่าทีของทรัมป์ทำให้ทวิตเตอร์ได้ขึ้นคำเตือนและซ่อนข้อความของประธานาธิบดีทรัมป์อย่างรวดเร็ว โดยระบุว่า เนื้อหาในข้อความดังกล่าวก่อให้เกิดความขัดแย้งและอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในการเลือกตั้งและการดำเนินคดีทางแพ่ง ขณะที่เฟซบุ๊กขึ้นคำเตือนในโพสต์ดังกล่าวของผู้นำสหรัฐเช่นกัน โดยกล่าวว่า ผลการนับคะแนนเลือกตั้งในท้ายที่สุดอาจแตกต่างจากผลการนับคะแนนในเบื้องต้น เนื่องจากการนับคะแนนจะยังคงดำเนินต่อไปอีกเป็นเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ และว่าข้อความของประธานาธิบดีทรัมป์ไม่มีหลักฐานยืนยันในประโยคที่ว่า พวกเขาพยายามโกงการเลือกตั้ง ขณะที่เว็บไซต์สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นระบุว่า ถ้อยคำของทรัมป์เต็มไปด้วยเนื้อความที่ทำให้เข้าใจผิด ไม่ถูกต้องอย่างชัดเจน เท่ากับเป็นการว่าร้ายกระบวนการประชาธิปไตย
ขณะเดียวกัน ทุกสายตากำลังจับจ้องไปที่รัฐในเขตมิดเวสต์หรือตะวันตกตอนกลางอย่างเพนซิลเวเนีย วิสคอนซิน และมิชิแกน เพราะยังมีอีกหลายล้านคะแนนที่ยังไม่ได้นับ เป็นคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าก่อนวันเลือกตั้ง 3 พฤศจิกายนตามเวลาสหรัฐ รัฐเพนซิลเวเนียนับคะแนนส่งทางไปรษณีย์ได้เพียงร้อยละ 39 ของที่ได้รับจนถึงขณะนี้ คาดว่าต้องใช้เวลาหลายวันจึงจะทราบผลการนับคะแนนในรัฐเหล่านี้
ส่วนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ทั้งหมด 435 ที่นั่งที่จัดขึ้นในวันเดียวกัน พรรครีพับลิกันได้แล้ว 171 ที่นั่ง จากที่ได้ 197 ที่นั่งในการเลือกตั้งเมื่อสองปีก่อน พรรคเดโมแครตได้แล้ว 177 ที่นั่ง จากที่ได้ 232 ที่นั่งและครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรชุดก่อน พรรคที่ได้อย่างน้อย 218 ที่นั่งจะได้ครองเสียงข้างมาก ขณะที่การเลือกตั้งวุฒิสภา (ส.ว.) 35 ที่นั่งจากทั้งหมด 100 ที่นั่ง พรรครีพับลิกันได้แล้ว 17 ที่นั่ง ทำให้มี ส.ว.รวมแล้ว 47 ที่นั่ง พรรคเดโมแครตได้แล้ว 11 ที่นั่ง ทำให้มี ส.ว.รวมแล้ว 46 ที่นั่ง พรรคที่มีอย่างน้อย 51 ที่นั่งจะได้ครองเสียงข้าง
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในครั้งนี้มีผู้ออกไปใช้สิทธิลงคะแนนล่วงหน้ามากกว่า 100 ล้านคน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงเป็นประวัติการณ์เนื่องจากประชาชนกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จึงต้องการหลีกเลี่ยงความแออัดในวันเลือกตั้ง สำหรับการลงคะแนนล่วงหน้านั้นพบว่าเป็นการลงคะแนนผ่านทางไปรษณีย์กว่า 65.2 ล้านคน และเป็นการไปหย่อนบัตรลงคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งด้วยตนเองกว่า 35.9 ล้านคน และคาดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้ใช้สิทธิถึง 160 ล้านคนหรือราวร้อยละ 67 ซึ่งถือว่าสูงเป็นประวัติการณ์เช่นกัน
ขณะที่บรรดาผู้บริหารในตลาดวอลล์สตรีทและอุตสาหกรรมการเงินเตือนว่า ยังไม่เห็นตัวผู้ชนะอย่างชัดเจน คาดว่าต้องลุ้นกันอีกหลายชั่วโมง รอยเตอร์ระบุว่า บรรดาผู้บริหารในวอลล์สตรีทเอนเอียงไปทางไบเดน เห็นได้จากการที่เขาระดมเงินจากอุตสาหกรรมการเงินได้มากกว่าทรัมป์ เพราะถึงแม้ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของไบเดนทุกอย่าง แต่ก็เชื่อว่ามีความคาดเดาได้และดีต่อเศรษฐกิจมากกว่าทรัมป์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี