สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกยังน่าเป็นห่วง ญี่ปุ่นเจอแล้วรายแรกติดเชื้อกลายพันธุ์จากแอฟริกาใต้ เมืองริโอฯ ของบราซิลงดเคานท์ดาวน์ริมหาด
กระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่น ยืนยันเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 2563 ว่า พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ชนิดเดียวกับที่พบในแอฟริกาใต้ โดยเป็นหญิงอายุประมาณ 30 ปี เดินทางจากแอฟริกาใต้มาถึงสนามบินนาริตะ เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2563 โดยผู้ติดเชื้อรายนี้ไม่แสดงอาการใดๆ ซึ่งก่อนหน้านี้มีรายงานว่า ญี่ปุ่นตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ที่พบมรอังกฤษแล้ว 6 คน
ในจำนวนนี้มี 1 คน เป็นชายวัย 40 ปี มีอาการไข้และเจ็บคอ ส่วนอีก 4 คนไม่แสดงอาการ ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศห้ามชาวต่างชาติจากแอฟริกาใต้เดินทางเข้าประเทศมาตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค. 2563 แต่ยังอนุญาตกรณีชาวญี่ปุ่นหรือชาวต่างชาติที่พำนักในญี่ปุ่น โดยต้องมีใบรับรองการตรวจโควิด-19 ภายใน 72 ชั่วโมง ก่อนออกเดินทาง ซึ่งมาตรการนี้ยังบังคับใช้กับผู้ที่เดินทางมาจากอังกฤษด้วย
ริโอฯยกเลิกเคาท์ดาวน์ปีใหม่ริมหาด
ขณะที่เทศบาลนครริโอ เดอ จาเนโร เมืองใหญ่อันดับ 2 ของบราซิล ประกาศยกเลิกการจัดงานเทศกาลส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่ หรือเคาท์ดาวน์ บริเวณริมชายหาดระยะทาง 30 กิโลเมตร ซึ่งเคยจัดกันเป็นประจำทุกปีโดยจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมากมารวมตัวกันตลอดแนวชายหาด เพื่อรอชมการจุดพลุเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในบราซิลยังน่าเป็นห่วง โดยจากประชากรทั้งประเทศ 212 ล้านคน มีผู้ติดเชื้อสะสมแล้วกว่า 7.5 ล้านคน มากเป็นอันดับ 3 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกาและอินเดีย
และโดยเฉพาะมีผู้เสียชีวิตกว่า 191,000 คน มากเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐฯ ซึ่งสำหรับเมืองริโอ เดอ จาเนโร นั้นมียอดผู้เสียชีวิตสะสม 15,000 คน จากประชากรทั้งหมดในเมืองราว 13 ล้านคน หรือ 216 คนต่อประชากร 1 แสนคน สูงกว่าอัตราเฉลี่ยทั้งประเทศกว่า 2 เท่า อย่างไรก็ตาม ยังอนุญาตให้ผู้ที่พักอาศัยใกล้เคียงกับชายหาดสามารถลงไปเดินเล่นได้ ส่วนบุคคลภายนอกที่ไม่ได้รับอนุญาตหากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษปรับสูงสุด 15,000 เรียล หรือราว 86,000 บาท
ก่อนหน้านี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เทศบาลนครริโอ เดอ จาเนโร ออกประกาศห้ามเข้าพื้นที่หาดโคปาคาบานา ระยะทางยาว 4 กิโลเมตร ซึ่งเป็นชายหาดที่มีชื่อเสียงของเมืองและเป็นหนึ่งในจุดจัดงานเคาท์ดาวน์ระดับโลก โดยตั้งแต่เวลา 20.00 น. ของวันที่ 31 ธ.ค. 2563 ตำรวจจะตั้งเครื่องกีดขวางไม่ให้เข้าไปทั้งพาหนะส่วนตัวและขนส่งสาธารณะ รวมถึงรถไฟฟ้าจะงดให้บริการในพื้นที่ดังกล่าวและใกล้เคียง
ชาวมะกันรับวัคซีนแล้วกว่า2ล้านคน
ด้านศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค หรือ ซีดีซี ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า นับจนถึงเช้าวันที่ 28 ธ.ค. 2563 ตามเวลาท้องถิ่น ซีดีซีได้ฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เข็มแรกให้กับประชาชนไปแล้ว 2,127,143 คนทั่วประเทศ และได้แจกจ่ายวัคซีนไปแล้ว 11,445,175 โดส โดยตัวเลขผู้ได้รับวัคซีนและจำนวนโดสที่มีการส่งไปทั่วประเทศดังกล่าวเป็นวัคซีนทั้งที่ผลิตโดยโมเดอร์นา และไฟเซอร์/ไบออนเทค
ปธน.แอฟริกาใต้สั่งห้ามขายเหล้า
นายซีริล รามาโฟซา ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ ประกาศเมื่อค่ำวันที่ 28 ธ.ค. 2563 ตามเวลาท้องถิ่น ยกระดับมาตรการสกัดการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยสั่งห้ามร้านค้าปลีกจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ขณะที่สถานบันเทิง เช่น ไนท์คลับ ผับ บาร์ ให้ปิดบริการ ส่วนร้านอาหารสามารถเปิดขายอาหารได้แต่ต้องปิดในเวลา 20.00 น. และสถานที่ผลิตไวน์ห้ามเปิดให้ชิมหรือจำหน่ายไวน์ โดยอนุญาตให้ขนส่งไวน์จากโรงงานไปยังสถานที่จัดเก็บที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น รวมถึงห้ามออกนอกเคหสถานยามค่ำคืน หรือเคอร์ฟิว ระหว่างเวลา 21.00-06.00 น.
สังสรรค์ส่งท้ายปีทำโรคระบาดพุ่ง
ปธน.รามาโฟซา เปิดผยว่า ได้รับรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่กว่า 5 หมื่นรายในช่วงเทศกาลคริสต์มาส การระบาดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะงานสังสรรค์ต่างๆ ช่วงสิ้นปี ที่มีการรวมกลุ่มของผู้คนตั้งแต่ในระดับครอบครัวถึงระดับสังคม ตลอดจนงานกิจกรรมด้านดนตรีและวัฒนธรรม ทั้งหมดนี้คือการเตือนภัยครั้งใหญ่และชี้ให้เห็นถึงความรุนแรง ขาดการเฝ้าระวังในช่วงวันหยุด และการการ์ดตกในครั้งนี้ก็มีราคาที่ต้องจ่ายไปแล้ว ทั้งนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อโรงพยาบาลทั้งของรัฐและเอกชนใกล้เต็มความจุแล้วในหลายจังหวัด และหลายพื้นที่กำลังพยายามเพิ่มเตียงผู้ป่วย
นายไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการโครงการฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลกได้ กล่าวเตือนว่า แม้ขณะนี้ไวรัสโควิด-19 จะระบาดอย่างรุนแรงไปทั่วโลก แต่ในปีหน้าอาจจะมีเชื้อไวรัสตัวใหม่ที่จะรุนแรงกว่าโควิดอีกหลายเท่าอุบัติขึ้น การระบาดในปัจจุบันนี้เสมือนเพียงสัญญาณเตือนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม นางมาเรีย แวน เคอร์โคฟ หัวหน้าฝ่ายเทคนิคขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า การกลายพันธุ์ของไวรัสในแอฟริกาใต้ และอังกฤษนั้น วัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันยังสามารถป้องกันได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี