17 ก.พ. 2564 เว็บไซต์ นสพ.South China Morning Post ของฮ่องกง เสนอบทความ The Tourism Authority of Thailand unveils a ‘SEXY tourism concept’ – just don’t mention sex tourism ว่าด้วยความพยายามของไทย ในการลบภาพดินแดนที่ถูกพูดถึงการท่องเที่ยวเรื่องเพศ (Sex Tourism) โดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (TAT) เริ่มประชาสัมพันธ์ “SEXY Tourism” ซึ่งเป็นแผนในปี 2564-2565
SEXY Tourism มาจากคำในภาษาอังกฤษ 4 คำ ประกอบด้วย “S-Safety and Hygiene” ปลอดภัยและถูกสุขอนามัย “E-Environmental Sustainability” ยั่งยืนกับสิ่งแวดล้อม “X-Extra Experiences” สัมผัสประสบการณ์พิเศษ และ “Y-Yield” ผลตอบแทน ซึ่ง ยุทธศักดิ์ สุภสร (Yuthasak Supasorn) ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า แนวคิด SEXY จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว และจะทำให้เศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวของไทยฟื้นตัวรวมถึงกลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิม
แต่นั่นคือเรื่องท้าทายกับประเทศไทย ย้อนไปในยุคสงครามเวียดนาม ชื่อของ “พัทยา (Pattaya)” เริ่มเป็นที่รู้จักในฐานะเมืองหลวงการท่องเที่ยวเรื่องเพศ จากทหารอเมริกันที่เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มสำคัญในเวลานั้น ชื่อเสียงดังกล่าวซึ่งเป็นที่รู้กันอย่างไม่เป็นทางการยังถูกพูดถึงมาจนถึงปัจจุยัน แม้ในภาคทางการจะพยายามลบภาพลักษณ์ดังกล่าวด้วยการนำเสนอการท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ
บทความกล่าวต่อไปว่า แม้การขายบริการทางเพศในประเทศไทยจะผิดกฎหมาย แต่มีรายงานจำนวนโสเภณีในไทยตั้งแต่ 8 แสน-2 ล้านคน และบางส่วนอายุไม่ถึง 18 ปี เว็บไซต์ Havocscope ที่สนใจศึกษาแวดวงธุรกิจใต้ดินทั่วโลก ระบุว่า มูลค่าเม็ดเงินจากการขายบริการทางเพศในประเทศไทย อาจสูงถึง 6.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือร้อยละ 3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ
เมื่อกองพัพทำรัฐประหารและเป็นรัฐบาลบริหารประเทศไทยตั้งแต่ปี 2557-2562 ต้องเผชิญความลำบากในการล้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยวเรื่องเพศ ในบางครั้งของความพยายาม เช่น ในปี 2560 มีการเปลี่ยนชื่อย่านราตรีของเมืองพัทยาเป็น Happy Zone ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า กลยุทธ์และนโยบายการตลาดเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางคุณภาพได้ก้าวเข้ามา ทิศทางที่ถูกต้องเนื่องจากความสำเร็จของปีที่แล้วได้รับผลตอบแทน และต่อต้านการท่องเที่ยวทางเพศทุกรูปแบบ
ในสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เริ่มต้นเมื่อปี 2563 ซึ่งทำลายการท่องเที่ยวและส่วนหนึ่งก็คือภาคต้องห้ามนี้ด้วย สำนักข่าวออนไลน์ Ariana กล่าวถึงมาตรการสั่งปิดสถานบันเทิงรวมถึงกิจการต่างๆ เกือบทั้งหมด กลายเป็นแรงกดดันให้ผู้ขายบริการทางเพศต้องออกไปหางานทำบนท้องถนน ซึ่ง ชลิดาภรณ์ ส่งสัมพันธ์ (Chalidaporn Songsamphan) นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ และประธานมูลนิธิ Service Workers in Groups Foundation (SWING) ระบุว่า พนักงานบริการเหล่านี้ถูกกีดกันออกไปจากมาตรการช่วยเหลือของรัฐ
โดยมาตรการซึ่งต้องลงทะเบียนนั้น หากใส่ข้อมูลไปว่าขายบริการทางเพศก็จะถูกระบบปฏิเสธ ต้องไปใส่ว่าเป็นอาชีพอื่นๆ แทน ซ้ำร้ายหลายคนเข้าไม่ถึงเพราะไม่มีอินเตอร์เน็ต ทั้งนี้ บทความดังกล่าวของสื่อฮ่องกง ทิ้งท้ายว่า แนวคิดการท่องเที่ยวแบบ SEXY ที่ไทยพยายามนำเสนอ เป็นประเด็นน่าสนใจให้ได้คิดและพูดคุยกัน ไม่ว่าจะเกี่ยวกับผลตอบแทนหรืออย่างอื่นก็ตาม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี