รัฐบาลอินเดียยันมีผู้ป่วยติดไวรัสโควิด-19 ทะลุ 2 แสนคน ในวันเดียว เป็นครั้งแรก ทุบสถิติตั้งแต่ระบาด หน่วยงานสธ.กังวลพิธีอาบน้ำในแม่น้ำคงคาเป็นแหล่งระบาดระลอกใหม่ นายกฯ ฮุนเซน สั่งล็อกดาวน์กรุงพนมเปญ 14 วัน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ ด้านอาร์เจนตินา เคอร์ฟิวเมืองหลวงหลังติดโควิดเพิ่ม ส่วนเดนมาร์กประกาศหยุดใช้วัคซีนแอสตราฯเป็นชาติแรก กังวลผลข้างเคียงลิ่มเลือดอุดตัน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่15 เม.ย.ว่ากระทรวงสาธารณสุขของอินเดียรายงานสถิติเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ว่าในรอบ 24 ชั่วโมงล่าสุด ยืนยันผู้ป่วย 200,739 คน เป็นสถิติรายวันสูงสุด นับตั้งแต่อินเดียเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อเดือน ม.ค.ปีที่แล้ว และยังเป็นครั้งแรกด้วย ที่อินเดียพบผู้ป่วยยืนยันรายวันจากโรคโควิด-19 มากกว่า 200,000 คน และทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมในอินดียพุ่งผ่านหลัก 14 ล้านคน มากที่สุดในทวีปเอเชีย และเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐโดยเฉพาะ รัฐมหาราษฏระที่อยู่ทางตะวันตก และเป็นสถานที่ตั้งของเมืองมุมไบ ยังคงพบผู้ป่วยรายวันมากที่สุด 58,952 คน
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขของอินเดีย ยอมรับว่าหนึ่งในปัจจับเสี่ยงสำคัญที่ส่งผลให้สถิติผู้ติดเชื้อรายวันจากโรคโควิด-19 ในประเทศ ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เกี่ยวข้องกับพิธีกรรม‘มหากุมภะเมลา’หรือการรวมตัวอาบน้ำ ในแม่น้ำคงคาตามความเชื่อว่าจะเป็นการชำระล้างบาป เป็นพิธีที่กินเวลานานหลายเดือน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงพนมเปญประเทศกัมพูชาเมื่อวันที่ 15เม.ย.ว่าสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ เมื่อช่วงเย็นของวันพุธตามเวลาท้องถิ่นว่าเพื่อไม่ให้สถานการณ์วิกฤติมากไปกว่านี้ ให้ทุกเขตในกรุงพนมเปญ และเมืองตาเขมา เมืองเอกของจังหวัดกันดาล ที่อยู่ห่างจากเมืองหลวงออกไปเพียง 11 กิโลเมตร อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์เป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน เริ่มตั้งแต่เที่ยงคืนเข้าสู่วันพฤหัสบดีที่ 15 เม.ย.ตามเวลาท้องถิ่น จนถึงวันที่ 28 เม.ย.นี้
คำสั่งดังกล่าวของสมเด็จฮุน เซน เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังกระทรวงสาธารณสุขของกัมพูชารายงานผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19เป็นรายที่ 36 และผู้ติดเชื้ออีก 177คน เพิ่มสถิติสะสมของผู้ป่วยจากโรคโควิด-19 ในกัมพูชาเป็นเกือบ 5,000 คนแล้ว โดย 1 ใน 3 ของผู้ป่วยสะสมได้รับการยืนยันภายในเวลาเพียงเดือนเดียว และยังมีผู้ต้องเข้ารับการรักษาอยู่ในโรงพยาบาลอีกมากกว่า 2,500 คน
ทั้งนี้ มาตรการส่วนใหญ่ ยังคงเดิม โดยการออกจากบ้านต้องเป็นไปด้วย เหตุผลจำเป็นอย่างยิ่งยวด เช่น การไปซื้ออาหาร ไปพบแพทย์ ไปซื้อยา และการไปทำกิจธุระซึ่งไม่สามารถจัดการจากที่บ้านได้เท่านั้น โดยรัฐบาลกำหนดโควตาการออกจากบ้านได้ครั้งละไม่เกิน 2 คน สูงสุด 3 ครั้งต่อสัปดาห์ และผู้ที่ออกจากบ้านต้องมีเอกสารให้ครบตามที่ทางการกำหนด และพร้อมแสดงต่อเจ้าพนักงาน
โดยกฎระเบียบการออกจากบ้านผ่อนผันสำหรับกรณีฉุกเฉินทางการแพทย์ โดยสามารถออกจากบ้านได้ครั้งละไม่เกิน 4 คน การออกไปรับการตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 และการฉีดวัคซีนตามจุดบริการของรัฐ ขณะที่สถานประกอบการแทบทุกประเภทในกรุงพนมเปญ และเมืองตาเขมายังคงเปิดได้ ตราบใดที่ปฏิบัติตามแนวทางของรัฐ ส่วนการรวมกลุ่มในสถานที่สาธารณะเกินกว่า 2 คน ไม่ควรเกิดขึ้น
ด้าน อัลแบร์โต เฟอร์นันเดซ ประธานาธิบดีของอาร์เจนตินา วัย 62 ปีมีผลตรวจหาเชื้อเป็นบวก เมื่อวันที่ 2 เมษายน เป็นผู้นำในลาตินอเมริกาคนแรก ที่ฉีดวัคซีนสปุตนิควีของรัสเซีย ได้กล่าวทางโทรทัศน์ว่า อาร์เจนตินาจะต้องเร่งต่อสู้กับโรคนี้ กรุงบัวโนสไอเรส และปริมณฑลจะเคอร์ฟิว ตั้งแต่วันศุกร์ระหว่างเวลา 20.00 น.ถึง 06.00 น.วันถัดไป ยกเว้น ผู้ที่ทำงานในภาคส่วนที่จำเป็น ห้ามจัดกิจกรรมในร่มทุกอย่างทั้งทางสังคม กีฬา วัฒนธรรม และศาสนา ปิดโรงเรียนและและโรงเรียนอนุบาลจนถึงสิ้นเดือนเมษายน มาตรการนี้ครอบคลุมคนประมาณ 14.8 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 37 ของทั้งประเทศ หลังจากอาร์เจนตินา พบผู้ติดเชื้อรายใหม่กว่า 27,000 คนเมื่อวันอังคาร สูงที่สุดนับตั้งแต่พบการระบาดเมื่อปีก่อน กระทรวงสาธารณสุขแจ้งว่ามีผู้เสียชีวิต 368 คนเมื่อวันพุธมากที่สุดนับจากกลางเดือนมกราคม
ขณะที่ กระทรวงสาธารณสุขเดนมาร์ก ประกาศหยุดใช้วัคซีนของบริษัทแอสตราเซนเนกา หลังจากมีความกังวลว่า วัคซีนขนานนี้อาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตัน วัคซีนของแอสตราเซนเนกาทั้งหมด 2.4 ล้านโดส จะถูกถอดออกจากโครงการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง เนื่องจากผลการศึกษาพบกรณีการเกิดลิ่มเลือดอุดตันหลังได้รับวัคซีนในอัตราที่มากเกินกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ โดยพบในอัตรา 1 ต่อ 40,000 คน คาดว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะทำให้โครงการฉีดวัคซีนของเดนมาร์กเสร็จสิ้นล่าช้าออกไปอีกหลายสัปดาห์
เดนมาร์ก ถือเป็นชาติยุโรปประเทศแรกที่หยุดใช้วัคซีนของแอสตราเซนเนกากับคนทุกกลุ่ม หลังก่อนหน้านี้สมาชิกสหภาพยุโรปหลายประเทศหยุดใช้ชั่วคราวจากความกังวลเรื่องการทำให้เกิดลิ่มเลือด ก่อนจะกลับมาใช้งานอีกครั้ง แต่ส่วนใหญ่ใช้อย่างจำกัดในกลุ่มผู้สูงอายุเท่านั้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี