อังกฤษอ่วม
ป่วยโควิด3.1หมื่น/วัน
‘บาหลี’ขาดออกซิเจน
กรุงฮานอยคุมเข้ม 15 วัน
สื่อคาดชาวอเมริกัน ติดเชื้อโควิดพุ่งขึ้น 3 เท่า ช่วงฤดูร้อน-ฤดูใบไม้ร่วง อังกฤษอ่วมป่วยเพิ่มกว่า 3.1 หมื่นราย ด้านเวียดนาม สั่งล็อกดาวน์กรุงฮานอย หลังจากโควิดยังระบาดหนัก ส่วนเกาะบาหลีอินโดนีเซีย วิกฤตหนักขาดแคลนออกซิเจน ให้ผู้ป่วย เร่งนำเข้าทั้งจากสหรัฐฯ และจีน แก้ปัญหาเร่งด่วน
เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เนชั่นแนลพับลิกเรดิโอ องค์กรสื่อไม่แสวงหาผลกำไรของสหรัฐอเมริกา เผยแพร่บทความระบุว่า ผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ โดยเนื้อหาในบทความ ชี้ว่าการพุ่งทะยานของผู้ป่วยจะแตะระดับสูงสุดในกลางเดือนตุลาคมนี้ ด้วยแรงกระตุ้นจากเชื้อชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์เดลต้า ซึ่งสหรัฐฯ จะมีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากกว่าปัจจุบันถึง 3 เท่า
นอกจากนี้บทความยังระบุว่า การคาดการณ์นี้อ้างอิงข้อมูลที่ได้รับการเผยแพร่จากศูนย์จำลองสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นสมาคมนักวิจัยที่คอยให้คำปรึกษาร่วมกับศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคต่างๆ ของสหรัฐฯ ในการช่วยติดตามเส้นทางการระบาดของโรคดังกล่าว
วันเดียวกันสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กรมอนามัยและบริการสังคมของอังกฤษระบุในแถลงการณ์ว่า ข้อมูลการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พุ่งขึ้นกว่า 31,000 คน เกิดจากการตรวจหาเชื้อจากผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่ทำงานบริการฉุกเฉินด่านหน้า และพนักงานขนส่ง เพื่อไม่ให้ภาคการบริการที่สำคัญต้องหยุดชะงัก โดยอังกฤษจะดำเนินการตรวจหาเชื้อรายวันตามสถานที่ปฏิบัติงานจุดสำคัญเพิ่มเติม เพื่อให้ผู้สัมผัสใกล้ชิดสามารถเข้าตรวจหาเชื้อรายวันได้แทนที่จะแยกออกมากักตัว คาดว่าจะตั้งจุดตรวจได้ 200 จุด
ด้านนายซาจิด จาวิด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอังกฤษกล่าวว่า เราได้เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับไวรัส ฉะนั้นจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อตัดวงจรการแพร่กระจายและหยุดยั้งการระบาด ซึ่งการตรวจหาเชื้อรายวันให้กับแรงงานที่สัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อในภาคธุรกิจต่างๆ จะช่วยลดโอกาสที่การดำเนินงานต้องหยุดชะงักเนื่องจากผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นช่วงสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ อังกฤษได้ยกเลิกมาตรการควบคุมไวรัสโควิด-19 ส่วนใหญ่ไปเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในขั้นตอนสุดท้ายของการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ ขณะที่บรรดานักวิทยาศาสตร์เตือนว่าการยกเลิกมาตรการทั้งหมดอาจมีแนวโน้มที่จะเกิดไวรัสกลายพันธุ์ สำหรับอังกฤษนั้น ประชากรกว่า 46.5 ล้านคน ได้รับวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 โดสแรกแล้ว และได้รับครบ 2 โดสแล้วกว่า 36.9 ล้านคน
ที่ประเทศเวียดนาม สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขเวียดนาม รายงานว่าพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ 7,968 คน ทำสถิติผู้ติดเชื้อสูงสุดเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน โดยผู้ติดเชื้อ 2 ใน 3 อยู่ในนครโฮจิมินห์ ทำให้นครโฮจิมินห์ ต้องประการล็อกดาวน์ ห้ามผู้คนออกนอกบ้านโดยไม่จำเป็น และรัฐบาลตัดสินใจขยายเวลาล็อกดาวน์ออกไปจนถึงวันที่ 1 สิงหาคมนี้ นอกจากนี้รัฐบาลได้บังคับใช้มาตรการควบคุมที่เข้มงวดขึ้นในกรุงฮานอย ทั้งการห้ามผู้คนออกจากบ้านห้ามรวมตัวเกินกว่า 2 คน และระงับบริการขนส่งสาธารณะเป็นเวลา 15 วัน
ส่วนที่ประเทศอินโดนีเซีย สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทางการอินโดนีเซีย ระบุว่าเกาะบาหลี กำลังเผชิญกับปัญหาขาดแคลนออกซิเจนสำหรับผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เนื่องจากพบผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น โดยขณะนี้เกาะบาหลี เกาะชวาและพื้นที่อีก 15 จังหวัด อยู่ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเข้มงวดซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันเดียวกันนี้ แต่รัฐบาลกำลังหารือว่าจะบังคับใช้มาตรการดังกล่าวต่อไปหรือไม่
นายเคตุต สุอาจายา หัวหน้าหน่วยสาธารณสุขบาหลีเปิดเผยว่า เราประสบปัญหาออกซิเจนขาดแคลนตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา และกำลังวิกฤตหนักมากขึ้น เนื่องจากผู้ติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะนี้ปริมาณออกซิเจนในบาหลีอยู่ในภาวะวิกฤตแล้ว โดยเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม มีผู้ติดเชื้อในบาหลีต้องการออกซิเจน 113.3 ตัน แต่โรงพยาบาลมีออกซิเจนเพียง 40.5 ตันเท่านั้น และรัฐบาลได้นำเข้าออกซิเจนจากประเทศต่างๆ อย่างสหรัฐฯ และจีนจากข้อมูลบนเว็บไซต์ www.worldometers.info ระบุว่าในวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา อินโดนีเซียมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 45,416 คน เสียชีวิตเพิ่ม 1,415 คน มากที่สุดในเอเชีย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี