สหประชาชาติ/ย่างกุ้ง (เอพี/รอยเตอร์/บีบีซี นิวส์) - เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ระบุ รู้สึกตกใจกับรายงานข่าวพบพลเรือนเมียนมากว่า 35 ศพถูกเผาเกรียมในเมียนมา และเรียกร้องให้รัฐบาลทหารเมียนมาสืบสวนเรื่องดังกล่าว
นายมาร์ติน กริฟฟิทส์ รองเลขาธิการยูเอ็นด้านมนุษยธรรม ระบุในแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ว่า เขาขอประณามผู้ก่อเหตุการณ์อันเลวร้ายในครั้งนี้และการโจมตีพลเรือนเมียนมาทั้งหมด พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลทหารเมียนมาเร่งสืบสวนเรื่องดังกล่าวอย่างละเอียดถี่ถ้วนและโปร่งใส ขณะที่เจ้าหน้าที่ 2 คนของเซฟเดอะชิลเดรน (Save the Children) ซึ่งเป็นมูลนิธิช่วยเหลือเด็ก ยังคงหายตัวไร้ร่องรอย หลังจากรถโดยสารของพวกเขาเป็นหนึ่งในยานพาหนะที่อยู่ในที่เกิดเหตุสังหารหมู่และเผาคนในวันคริสต์มาสอีฟที่รัฐกะยาทางตะวันออกของเมียนมา โดยที่กลุ่มเฝ้าระวังและสื่อท้องถิ่นของเมียนมากล่าวหาว่ารัฐบาลทหารเมียนมาเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงในครั้งนี้
เมียนมา วิตเนสส์ (Mynmar Witness) องค์กรเฝ้าระวังไม่แสวงหาผลกำไรที่ตรวจสอบเรื่องปัญหาละเมิดสิทธิมนุษยชนในเมียนมา ได้ยืนยันกับสื่อท้องถิ่นและผู้เห็นเหตุการณ์ที่เป็นนักสู้ท้องถิ่นว่า พบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 35 ราย ในจำนวนนี้ มีเด็กและผู้หญิงที่ถูกเผาเกรียมจนเสียชีวิตโดยกองทัพเมียนมาในวันที่ 24 ธันวาคม ซึ่งตรงกับวันคริสต์มาสอีฟ ที่เมืองพะยูโซในรัฐกะยา ส่วนข้อมูลจากดาวเทียมแสดงให้เห็นว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่จุดเกิดเหตุเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. ของวันศุกร์ จนถึงขณะนี้ รัฐบาลเมียนมายังไม่แสดงความเห็นต่อข่าวดังกล่าว ขณะที่หนังสือพิมพ์ของทางการรายงานเมื่อวันเสาร์ว่า เกิดการสู้รบใกล้หมู่บ้านแห่งหนึ่งในรัฐกะยาเมื่อวันศุกร์ เมื่อกลุ่มกองโจรชื่อพรรคก้าวหน้าแห่งชาติกะเหรี่ยงและกลุ่มต่อต้านกองทัพไม่ยอมหยุดรถและทำร้ายเจ้าหน้าที่ จึงเกิดการปะทะกัน เจ้าหน้าที่อ้างว่าคนเหล่านี้กำลังจะไปฝึกอาวุธเพื่อสู้กับกองทัพ ส่วนรถที่ขับมาทั้ง 7 คันถูกไฟไหม้เสียหาย แต่ไม่ได้รายงานเรื่องการสังหารแต่อย่างใด
ในอีกด้านหนึ่ง แหล่งข่าวการพิจารณาคดีนางออง ซาน ซู จี ผู้นำรัฐบาลพลเรือนเมียนมาที่ถูกรัฐประหารเผยว่า ศาลได้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาตัดสินคดีนางซู จี เกี่ยวกับวิทยุสื่อสารอีกครั้ง โดยเลื่อนจากวานนี้ (27 ธ.ค.) ออกไปเป็นวันที่ 10 มกราคมปีหน้า หลังจากเลื่อนครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ข้อหานี้มีโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี และ 1 ปี ตามลำดับ นางซู จี ถูกควบคุมตัวตั้งแต่กองทัพรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือนเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เธอเพิ่งถูกตัดสินเมื่อวันที่ 6 ธันวาคมให้รับโทษจำคุก 4 ปีข้อหายุยงและฝ่าฝืนระเบียบเรื่องโรคโควิด-19 แต่ได้รับการลดหย่อนโทษเป็นควบคุมตัว 2 ปีในสถานที่ลับที่เธอถูกควบคุมตัวอยู่ในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังถูกตั้งข้อหาอื่น ๆ อีกมากกว่าสิบข้อหา มีโทษจำคุกสูงสุดรวมกันไม่ต่ำกว่า 100 ปี ขณะที่ ซู จี ให้การปฏิเสธทุกข้อหา กลุ่มสนับสนุนเธอมองว่า เป็นข้อหาไร้มูลที่ต้องการปิดฉากชีวิตการเมือง และให้เธอถูกผูกติดกับการพิจารณาในระหว่างที่กองทัพหาทางสร้างอำนาจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี