โควิดลามหนักทั่วโลก ติดเชื้อวันเดียว มากกว่า 1 ล้านคน สหรัฐมากที่สุด2.97 แสนราย หวั่นโอมิครอนลาม อย.สหรัฐอนุมัติฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็ม3 ให้กับเด็กอายุ12-15ปี แต่ยังต้องรอศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคฯ สรุปอีกครั้ง ขณะที่จีนสั่งล็อกดาวน์เมืองหยูโจว ซึ่งมีประชากรกว่า1ล้านคน และไม่อนุญาตให้ประชาชนออกนอกบ้าน หลังพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดที่ไม่แสดงอาการ3คน ด้านฟิลิปปินส์ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนพุ่ง4.6พันคนต่อวัน ซึ่งอาจกลายเป็นสายพันธุ์หลักในช่วงสิ้นเดือนมกราคมนี้
เมื่อวันที่ 4 มกราคม สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ทั่วโลกในช่วงเช้าวันที่ 4 มกราคม เพิ่มขึ้น 1,183,739 คนในหนึ่งวันที่ผ่านมา ขณะที่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 4,017 ราย
สหรัฐอเมริกายังคงรั้งตำแหน่งประเทศที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงสุดที่ 297,890 คน โดยมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 560 ราย อย่างไรก็ดี จำนวนผู้เสียชีวิตของสหรัฐยังตามมาเป็นอันดับ 2 น้อยกว่ารัสเซียที่อยู่ในอันดับแรกที่ 835 ราย จำนวนประเทศที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่หลักแสนลดลงเหลือเพียง 2 ประเทศ โดยรองจากสหรัฐคืออังกฤษที่ 157,758 ตามด้วยสเปน 93,190 อิตาลี 68,052 และฝรั่งเศส 67,461
ทั้งนี้ คาดว่าจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ลดลงเป็นผลมาจากยังคงอยู่ในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่และคงต้องจับตาดูสถานการณ์การแพร่ระบาดหลังจากนี้ ตามที่ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายคาดการณ์ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันน่าจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก
สหรัฐไฟเขียวฉีดเข็ม3เด็ก12-15ปี
คณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐ (เอฟดีเอ) ได้ขยายช่วงอายุของเด็กที่ให้เข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจากวัคซีนไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค ลงมาในกลุ่มเด็กที่มีอายุ 12-15 ปี เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิดกลายพันธุ์โอมิครอน ก่อนหน้านี้ เอฟดีเอได้แนะนำให้มีการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นสำหรับทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป ขณะที่เมื่อวันที่ 3มกราคม เอฟดีเอได้ตัดสินใจเพิ่มช่วงอายุของเด็กที่ให้เข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้น้อยลงมาอีก
เอฟดีเอแนะนำให้มีการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นสำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็ม 2 ไปแล้ว 5 เดือน ซึ่งน้อยกว่าก่อนหน้านี้ที่มีการแนะนำให้รับวัคซีนเข็ม 3 หลังฉีดเข็มสองไปแล้ว 6 เดือน เนื่องจากเห็นว่าวัคซีนเข็มกระตุ้นจะช่วยหลีกเลี่ยงความเสี่ยง และลดการแพร่ระบาดของโอมิครอนลงได้ โดยการประกาศดังกล่าวมีขึ้นขณะที่โรงเรียนในสหรัฐได้เริ่มต้นกลับมาเปิดทำการเรียนการสอนอีกครั้งหลังวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่
ซีดีซีเตรียมสรุปท้ายสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ดี ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (ซีดีซี) จะตัดสินใจครั้งสุดท้ายในสัปดาห์นี้ ว่าจะแนะนำให้มีการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในเด็กกลุ่มวัยนี้หรือไม่
ทั้งนี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในสหรัฐเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา กลายเป็นมากกว่า 400,000คนต่อวัน ซึ่งถือเป็นสถิติที่สูงที่สุดเท่าที่เคยมี
จีนสั่งล็อกดาวน์เมืองหยูโจว
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ทางการท้องถิ่นของเมืองหยูโจว ประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ตั้งแต่เมื่อคืนวันจันทร์ และสั่งให้พลเมืองทุกคนอยู่แต่ในบ้านเพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 หลังพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด 3 คนในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แถลงการณ์ของทางการท้องถิ่นระบุว่า ห้ามประชาชนในเมืองหยูโจวออกนอกบ้านเด็ดขาด ในขณะที่ทุกชุมชนเตรียมวางกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อป้องกันและควบคุมการระบาดอย่างเข้มงวด ก่อนหน้านี้ ทางการเมืองหยูโจวได้ประกาศระงับบริการรถโดยสารสาธารณะและรถรับส่งผู้โดยสารส่วนบุคคลไปแล้ว รวมถึงการสั่งปิดห้างสรรพสินค้า พิพิธภัณฑ์ และสถานที่ท่องเที่ยว
ป่วยใหม่175สะสม102,000ราย
ขณะเดียวกัน ทางการจีนรายงานวันนี้ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ 175 คน ในจำนวนนี้ มีผู้ป่วยติดเชื้อ 5 คนที่มณฑลเหอนาน และมีอีก 8 คนที่เชื่อมโยงกับการระบาดเป็นกลุ่มก้อนที่โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าในเมืองหนิงปัวของมณฑลเจ้อเจียง ทางตะวันออกของจีน ขณะที่เมืองซีอานในมณฑลส่านซี ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 95คน ทำให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 1,600คน นับตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม โดยที่ชาวเมืองซีอาน 13 ล้านคน ยังคงอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์มาเป็นเวลาเกือบ 2 สัปดาห์แล้ว ขณะนี้ จีนมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 102,000 คนและผู้เสียชีวิตกว่า 4,600คน
ฟิลิปปินส์ติดโอมิครอน4.6พันต่อวัน
คณะนักวิจัยอิสระระบุว่า ยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดในฟิลิปปินส์กำลังพุ่งสูงขึ้น 2 เท่าเมื่อเทียบกับยอดผู้ป่วยติดเชื้อในช่วงปลายปีที่ผ่านมาที่เกิดจากการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา ทั้งยังระบุว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนมีอัตราการแพร่ระบาดในฟิลิปปินส์แตะระดับ 4 แล้วทั้งที่เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนมีอัตราแพร่ระบาดของเชื้อดังกล่าวต่ำกว่าระดับ 1 ทั้งนี้ อัตราแพร่ระบาดระดับ 1 หมายถึงสามารถควบคุมการระบาดของเชื้อโควิดได้ ส่วนช่วงที่สายพันธุ์เดลตาแพร่ระบาดสูงสุดในฟิลิปปินส์อัตราอยู่ที่ระดับ 2
จ่อขึ้นเป็นสายพันธุ์หลักสิ้นม.ค.นี้
ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับสูงของฟิลิปปินส์ กล่าวว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนอาจกลายเป็นสายพันธุ์หลักของฟิลิปปินส์ในอีก 3-4 สัปดาห์หน้าแทนสายพันธุ์เดลตา
กระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์รายงานเมื่อวันจันทร์ว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนมีสัดส่วนการระบาดเกือบร้อยละ30 ของผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ นอกจากนี้ ยังพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่เมื่อวันอาทิตย์มากถึง 4,600 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจากวันที่ 25 ธันวาคมที่มีต่ำกว่า 500 คนเท่านั้น ขณะที่เมื่อวันจันทร์พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ 4,084 คน แต่กระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์ระบุว่า ตัวเลขที่ลดลงเล็กน้อยเป็นผลมาจากห้องปฏิบัติการ 21 แห่งที่ส่งผลตรวจหาเชื้อโควิดไม่ทัน
ป่วยสะสม-ตายอันดับ2ของอาเซียน
ขณะนี้ ฟิลิปปินส์มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมราว 2.85 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 51,000 คน ซึ่งเป็นยอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมและผู้เสียชีวิตสูงเป็นอันดับ 2 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากอินโดนีเซีย อย่างไรก็ดี ฟิลิปปินส์ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดโดสแรกให้แก่ประชาชนร้อยละ 95 และรัฐบาลฟิลิปปินส์มั่นใจว่า ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดส่วนใหญ่จะมีอาการป่วยเล็กน้อยถึงปานกลาง โดยที่โรงพยาบาลจะไม่เผชิญกับภาวะตึงตัวจากการรองรับผู้ป่วยติดเชื้อที่มีอาการรุนแรง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี