สถิติผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วโลกในรอบสัปดาห์ ล่าสุดเพิ่มขึ้นมากกว่า 18 ล้านคนเป็นสถิติสูงสุดครั้งใหม่ “สหรัฐ” พบประชากร 1 ใน 5 ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้ว“เยอรมนี”ยอดป่วยพุ่งวันเดียวเกิน 1 แสนคน ยอดสูงทุบสถิติใหม่ ขณะที่ เวียดนามพบติดโอมิครอน ในชุมชนกลุ่มแรก
สถานการณ์การแพร่ระบาดล่าสุดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ ควิด-19 จากประเทศต่างๆ ทั่วโลก ประจำวันที่ 19 มกราคม 2565 มีดังนี้ ผู้ติดเชื้อรวม 334,850,043 ราย ผู้เสียชีวิตรวม 5,572,631 ราย รักษาหายรวม 270,600,431 ราย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ว่า นพ.เทดรอส แอดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) แถลงเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ว่าในรอบสัปดาห์ล่าสุด ดับเบิลยูเอชโอยืนยันผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 เพิ่มขึ้นทั่วโลกมากกว่า 18 ล้านคน สูงขึ้น 20% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า และเป็นสถิติสูงสุดครั้งใหม่
ขณะที่ในรอบสัปดาห์เดียวกัน มีการยืนยันผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มขึ้นอีกมากกว่า 45,000 ราย ทั้งนี้ นับตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2563 จนถึงปัจจุบัน ดับเบิลยูเอชโอยืนยันผู้ป่วยสะสมจากโควิด-19 มากกว่า 323 ล้านคน และเสียชีวิตสะสมมากกว่า 5.5 ล้านราย โดยทุกภูมิภาคของโลกยังคงมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ยกเว้นแอฟริกาซึ่งสถิติลดลง 27% โดยภูมิภาคเอเชียตะวันออกและเอเชียใต้มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมากที่สุด 145% และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า
นพ.เทดรอส กล่าวต่อไปว่า แม้เป็นเวลาล่วงเลยมานานกว่า 2 ปีแล้ว แต่วิกฤตการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงห่างไกลจากการสิ้นสุด จริงอยู่ที่อัตราการแพร่ระบาดในหลายประเทศมีสัญญาณชะลอตัว แต่ยังมีอีกหลายประเทศซึ่งอัตราการแพร่ระบาดยังคงเข้มข้น เนื่องจากเชื้อโอมิครอน และอัตราการฉีดวัคซีนในหลายภูมิภาคยังคงต่ำ ซึ่งการที่ผู้ป่วยยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ เป็นสัญญาณเตือนเช่นกัน ว่าอาจนำไปสู่การกลายพันธุ์ต่อไปของเชื้อไวรัสโคโรนา
พญ.มาเรีย แวน เคอร์คอฟ หัวหน้าด้านเทคนิคองค์การอนามัยโลก กล่าวว่า เรากำลังได้ยินผู้คนจำนวนพูดว่า โอมิครอนจะเป็นไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์สุดท้ายและทุกอย่างจะจบลงหลังจากนี้ ซึ่งนั่นไม่จริง เพราะไวรัสนี้กำลังแพร่ระบาดอย่างรุนแรงทั่วโลก ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะผ่อนคลายมาตรการด้านสาธารณสุข พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลยกระดับมาตรการดังกล่าวเพื่อควบคุมโควิด-19 ให้ดีขึ้น และป้องกันการแพร่ระบาดในอนาคตเมื่อมีสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้น
ดร.บรูซ ไอล์วาร์ด เจ้าหน้าที่อาวุโสขององค์การอนามัยโลก เตือนว่า การแพร่ระบาดที่ระดับสูงทำให้ไวรัสมีโอกาสมากขึ้นที่จะแบ่งตัวและกลายพันธุ์ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดไวรัสสายพันธุ์ใหม่ เรายังไม่เข้าใจอย่างแท้จริงถึงผลที่ตามมาของการปล่อยให้สิ่งนี้ดำเนินต่อไป จนถึงตอนนี้ สิ่งที่เราเห็นส่วนใหญ่ในพื้นที่ซึ่งควบคุมการแพร่ระบาดไม่ได้นั้นคือการเผชิญกับไวรัสสายพันธุ์ที่เกิดขึ้นใหม่ และความไม่แน่นอนครั้งใหม่ที่เราต้องรับมือเมื่อเราก้าวไปข้างหน้า
ขณะที่มหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ เปิดเผยว่าราว 1ใน5ของชาวอเมริกัน ป่วยเป็นโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 นับตั้งแต่การระบาดใหญ่อุบัติขึ้นในประเทศ สหรัฐฯรายงานการตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 มากกว่า 66 ล้านราย เมื่อนับถึงวันอังคาร ซึ่งคิดเป็นราว 1 ใน 5 ของประชากรสหรัฐฯขณะยอดผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 รวมอยู่ที่มากกว่า 851,000 ราย
ข้อมูลล่าสุดจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (CDC) ระบุว่าขณะนี้สหรัฐฯ ตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายใหม่เฉลี่ยเกือบ 8 แสนรายต่อวัน และผู้ป่วยเสียชีวิตเกือบ 1,800 รายต่อวัน ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบสัปดาห์ต่อสัปดาห์ พร้อมกันนี้ ได้ออกคำแนะนำให้พลเมืองชาวอเมริกันหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยัง 22 ประเทศและเขตแดน เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศเหล่านี้เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยประเทศและดินแดนดังกล่าว ได้แก่ อิสราเอล, ออสเตรเลีย, อียิปต์, แอลเบเนีย, อาร์เจนตินา, อุรุกวัย, ปานามา, กาตาร์, บาฮามาส, บาห์เรน, เบอร์มิวดา, หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน, หมู่เกาะเติกส์และเคคอส, ซูรินาม, เซนต์ลูเซีย, โบลิเวีย, แคนาดา, ฝรั่งเศส, ซาอุดีอาระเบีย, แอฟริกาใต้, ตุรกี และสหราชอาณาจักร
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า CDC ได้ปรับเพิ่มระดับคำเตือนการเดินทางของประเทศเหล่านี้สู่ “ระดับ 4” หรือระดับที่มีความเสี่ยงสูงมาก พร้อมกับแนะนำชาวอเมริกันให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังประเทศและเขตแดนเหล่านี้ โดยเฉพาะผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน นับจนถึงขณะนี้ ประเทศและเขตแดนที่ CDC จัดอยู่ในความเสี่ยงระดับที่ 4 มีอยู่ทั้งสิ้น 100 แห่ง
แถลงการณ์ล่าสุดบนเว็บไซต์ของ CDC ระบุว่า “เราขอแนะนำว่า ท่านไม่ควรเดินทางไปยังประเทศเหล่านี้จนกว่าท่านจะได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว การฉีดวัคซีนยังคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันตัวท่านเองจากโรคร้ายแรง อีกทั้งจะช่วยชะลอการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และลดจำนวนไวรัสกลายพันธุ์ นอกจากนี้ เรายังแนะนำให้ท่านเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์”
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ว่า สถาบันโรแบร์ต ค็อก (อาร์เคไอ ) รายงานสถิติผู้ป่วยโควิด-19 สะสมในประเทศอย่างน้อย 8,186,850 คน เพิ่มขึ้น 112,323 คน เป็นสถิติรายวันสูงสุดนับตั้งแต่การแพร่ระบาดระลอกแรก เมื่อต้นปี 2563 และเป็นครั้งแรกด้วย ที่เยอรมนีมีผู้ติดเชื้อรายวันมากกว่า 100,000 คน ขณะที่สถิติผู้เสียชีวิตสะสมอย่างน้อย 116,081 ราย เพิ่มขึ้น 239 ราย
แม้อัตราผู้ป่วยหนักต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลลดลงเล็กน้อย แต่ นพ.คาร์ล เลาเทอร์บัค รมว.สาธารณสุขของเยอรมนี เน้นย้ำกับประชาชน “ห้ามการ์ดตก” เนื่องจากแนวโน้มการแพร่ระบาดของเชื้อโอมิครอนในประเทศ “ยังแค่เริ่มต้นเท่านั้น”
ทางด้าน นสพ.เตียนฟอง อ้างเจ้าหน้าที่สาธารณสุขว่า พบผู้มีผลตรวจหาเชื้อไวรัสเป็นบวก 3 คนในนครโฮจิมินห์เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และได้รับการยืนยันเมื่อวันอังคารว่าเป็นไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน นับเป็นการติดเชื้อในชุมชนกลุ่มแรก ที่ผ่านมาเวียดนามพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์นี้มากกว่า 70 คน ในกลุ่มผู้อยู่ระหว่างการกักตัวหลังเดินทางมาจากต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุขเวียดนามแถลงเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ชุมชนต้องเพิ่มระดับการเฝ้าระวังไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน ด้วยการไม่ไปยังสถานที่แออัดและฉีดวัคซีนให้ครบโดส
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี