เกาหลีใต้อ่วม!โอมิครอนลาม
วันเดียว1.4หมื่นคน
อินโดฯป่วย7พันราย/วัน
ยอดพุ่งสูงสุดในอาเซียน
อังกฤษเลิกมาตรการเข้ม
ปชช.ไม่ต้องใส่หน้ากาก
เกาหลีใต้อ่วม ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน วันเดียว 1.4 หมื่นราย ลามทั่วประเทศ ด้านอินโดฯ ป่วยพุ่ง 7 พันคนต่อวัน สูงสุดนับตั้งแต่ กันยายนปีที่แล้ว ส่วนอังกฤษยกเลิกมาตรการจำกัดการระบาด ทำให้ประชาชนไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ปิด
เมื่อวันที่ 27 มกราคม สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคเกาหลีใต้หรือเคดีซีเอ รายงานว่าเกาหลีใต้พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายวันสูงเป็นสถิติใหม่อีกครั้งเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน โดยมีผู้ติดเชื้อ 14,518ราย เป็นผลจากเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนที่ติดต่อกันได้ง่ายและระบาดทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว ซึ่งทางเคดีซีเอ ระบุว่า ในจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่นี้ เป็นผู้ติดเชื้อภายในประเทศ 14,301 ราย ส่วนยอดผู้เสียชีวิตรายวันอยู่ที่ 6,654 ราย เพิ่มขึ้น 34 ราย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเกาหลีใต้ ได้ปรับระบบการรับมือกับเชื้อไวรัสดังกล่าวในสัปดาห์นี้ เพื่อให้สามารถจัดการกับไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งภายใต้ระบบใหม่ ที่จุดตรวจหาเชื้อจะใช้การตรวจด้วยเอทีเค แทนพีซีอาร์ ยกเว้นผู้ที่อายุเกิน 60 ปี หรือกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงสูง คนไข้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 แล้ว แต่ไม่แสดงอาการรุนแรงจะต้องกักตัวรักษาตัวอยู่บ้านเป็นเวลา 7 วัน จากเดิมที่กำหนดไว้ 10 วัน ผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ ไม่จำเป็นต้องกักตัว แต่ต้องตรวจหาเชื้อแบบพีซีอาร์ ราว 1 สัปดาห์หลังจากวันที่สัมผัสผู้ติดเชื้อ
สำหรับการปรับเปลี่ยนระบบนี้ก็เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยหนักและผู้เสียชีวิตให้น้อยที่สุด ในขณะเดียวกันก็ลดภาระและป้องกันไม่ให้ระบบสาธารณสุขต้องล่มสลายเพราะจำนวนผู้ติดเชื้อมากเกินไป โดยระบบนี้จะขยายใช้ในทั่วประเทศ หลังจากช่วงเทศกาลตรุษจีนในเดือนกุมภาพันธ์นี้
ที่ ประเทศอินโดนีเซีย สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซีย เปิดเผยว่าพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ว่ามีจำนวน 7,010 ราย สูงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน 2564 ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 4,301,193 ราย สูงที่สุดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ซึ่งขณะนี้การติดเชื้อได้ลุกลามไปทั้ง 34 จังหวัดของอินโดนีเซีย ส่วนผู้เสียชีวิตรายใหม่ รวม 7 ราย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตสะสมรวม 144,254ราย ซึ่งสูงที่สุดในอาเซียนเช่นกัน
ด้านสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สถาบันกุมารเวชศาสตร์อเมริกัน (เอเอพี) และสมาคมโรงพยาบาลเด็กสหรัฐอเมริกา (ซีเอชเอ) เปิดเผยว่า เด็กในสหรัฐฯ มีผลตรวจติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นบวก มากกว่า 10 ล้านราย นับตั้งแต่เริ่มมีการระบาดใหญ่ โดยรายงานระบุว่าตรวจพบผู้ติดเชื้อที่เป็นเด็กทั่วประเทศ รวม 10,603,034 ราย ซึ่งเด็กครองสัดส่วนร้อยละ 18.4 ของผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันทั้งหมด และผู้ติดเชื้อในกลุ่มเด็กเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลทั่วประเทศ ระหว่างการระบาดของเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน
สถาบันกุมารเวชฯ รายงานการพบผู้ติดเชื้อที่เป็นเด็กมากกว่า 1.1 ล้านรายในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมากกว่าอัตราการระบาดช่วงสูงสุดในฤดูหนาวปีที่แล้วเกือบ 4เท่าตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 จากผู้ป่วยเด็ก 981,000 รายที่ได้รับรายงานในสัปดาห์ก่อนหน้า โดยสหรัฐฯ รายงานว่าพบผู้ติดเชื้อที่เป็นเด็กเพิ่มมากกว่า 100,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 24 ติดต่อกัน และพบผู้ติดเชื้อที่เป็นเด็กรายใหม่แล้วมากกว่า 5.6 ล้านราย นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2564
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลอังกฤษ ได้ใช้มาตรการจำกัดที่เรียกว่าแผนบี ตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2564 หลังจากนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน เตือนว่าอังกฤษกำลังเผชิญการระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งมาตรการนี้กำหนดให้ต้องสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ปิด และต้องแสดงใบรับรองการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ในการเข้าใช้สถานที่สาธารณะ เช่น ไนต์คลับ สนามฟุตบอล และงานขนาดใหญ่ ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อลดลงอย่างมากในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา และทางการได้ประกาศยกเลิกการใช้แผนบีแล้วในวันเดียวกันนี้
นายซาจิด จาวิด รัฐมนตรีสาธารณสุขอังกฤษ กล่าวว่า การฉีดวัคซีนและตรวจหาเชื้อทำให้อังกฤษมีการป้องกันแข็งแกร่งที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป และทำให้สามารถกลับไปใช้แผนเอ ได้อย่างระมัดระวังและมีเสรีภาพมากขึ้น ดังนั้นนับตั้งแต่นี้คนในอังกฤษไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัยในที่ปิด รวมถึงชั้นเรียนมัธยมศึกษา แต่ผู้โดยสารรถขนส่งสาธารณะในกรุงลอนดอนยังต้องสวมต่อไป ส่วนมาตรการที่กำหนดให้ผู้มีผลตรวจหาเชื้อเป็นบวกต้องกักตัว 5 วันเป็นอย่างน้อย นายกรัฐมนตรีจอห์นสันหวังว่าจะยกเลิกได้เมื่อครบกำหนดในวันที่ 24 มีนาคมนี้
ทั้งนี้ อังกฤษเคยยกเลิกมาตรการจำกัดครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2564 โดยเรียกว่าเป็นวันแห่งเสรีภาพ แต่หลังจากนั้นต้องออกมาตรการใหม่เพราะเริ่มพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน ขณะที่สกอตแลนด์และเวลส์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในสหราชอาณาจักรใช้มาตรการสาธารณสุขของตนเองที่แยกจากอังกฤษ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี