ปารีส (เอเอฟพี/รอยเตอร์ส/บีบีซีนิวส์) - ประธานาธิบดี เอ็มมานูเอลมาครง ผู้นำฝรั่งเศส สร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้นำฝรั่งเศสคนแรกในรอบ 20 ปีที่ชนะเลือกตั้งสมัยที่สอง ประกาศเป็นผู้นำของชาวฝรั่งเศสทุกคนไม่แบ่งฝ่าย
ผลนับคะแนนการเลือกตั้งประธานาธิบดีของฝรั่งเศสรอบสองที่จัดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง นักการเมืองฝ่ายเสรีนิยมและสนับสนุนสหภาพยุโรป หรืออียู วัย 44 ปี คว้าชัยเหนือ นางมารีน เลอ แปน คู่แข่งจากพรรคการเมืองฝ่ายขวาจัด ที่ประกาศนโยบายต่อต้านอียูและผู้อพยพ ด้วยคะแนนเสียงร้อยละ 58.55 ต่อร้อยละ 41.45 แม้ช่องว่างของคะแนนเลือกตั้งที่ชนะกันไม่ทิ้งห่างมากเท่ากับเมื่อครั้งการเลือกตั้งเมื่อปี 2560 แต่ก็ทำให้มาครงสร้างประวัติศาสตร์เป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนแรกที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็นสมัยที่สองในรอบ 20 ปี หลังจากที่อดีตประธานาธิบดีฌาคส์ ชีรัค เคยคว้าชัยชนะการเลือกตั้งรอบชี้ขาดเหนือผู้เป็นพ่อของนางเลอ แปน อย่างถล่มทลาย เมื่อปี 2545
มาครงพร้อมด้วยบริฌิตต์ มาครงสตรีหมายเลขหนึ่งแถลงต่อกลุ่มผู้สนับสนุนที่ลานด้านหน้าหอไอเฟลในกรุงปารีส กล่าวขอบคุณกลุ่มผู้สนับสนุนและชาวฝรั่งเศส และว่าตลอดเวลา 5 ปี เกิดความเปลี่ยนแปลงมากมายทั้งด้านดีและยากลำบากรวมทั้งวิกฤตการณ์ที่ไม่ธรรมดา แต่วันนี้เสียงส่วนใหญ่ตัดสินใจเลือกที่จะเชื่อมั่นในตัวเขาให้บริหารประเทศฝรั่งเศสต่อไปอีก 5 ปี ประกาศจะเป็นประธานาธิบดีของชาวฝรั่งเศสทุกคน ไม่มีค่ายหรือแบ่งฝ่าย ไม่ว่าคนคนนั้นจะสนับสนุนพรรคการเมืองใดก็ตาม นายมาครงกล่าวว่าเวลานี้มีหลายปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไขโดยเฉพาะผลกระทบจากปัญหาสงครามในยูเครน
ด้าน นางเลอ แปน ผู้สมัครฝ่ายขวาจัดวัย 53 ปี ที่ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสครั้งนี้นับเป็นรอบที่ 3 กล่าวยอมรับความพ่ายแพ้และว่าแต่เมื่อดูผลเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการที่เธอได้คะแนนเกือบร้อยละ 42 หมายถึงว่าแนวคิดฝ่ายขวาจัดที่ต่อต้านอียูและผู้อพยพ เริ่มมีฐานรากค่อนข้างมั่นคงสามารถต่อยอดไปในอนาคตได้ จึงถือเป็นชัยชนะและจะเดินหน้า
ต่อสู้ต่อ เพราะในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ยังจะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ทุกฝ่ายสนับสนุนพรรคของเธอต่อไป โดยคะแนนเสียงที่ตีตื้นขึ้นมาในครั้งนี้เป็นผลมาจากการทุ่มเทหาเสียงอย่างหนักตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งนางเลอ แปน มุ่งเน้นไปที่ปัญหาปากท้องของประชาชนเป็นสำคัญ
ขณะที่บรรดาผู้นำยุโรปต่างแสดงความยินดีต่อชัยชนะของนายมาครง เพราะเท่ากับว่าเป็นชัยชนะของยุโรปด้วย ซึ่งจากนี้ไปฝรั่งเศสและยุโรปจะจับมือกันเพื่อเดินไปข้างหน้าด้วยกัน ท่ามกลางปัญหาสงครามยูเครนที่สหภาพยุโรปและนาโตพยายามจะลงโทษและควบคุมการแผ่อิทธิพลทางทหารของรัสเซีย ในขณะที่ฝรั่งเศสเป็นประเทศหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในเรื่องดังกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี