โคลัมโบ (เอเอฟพี/รอยเตอร์ส) - ประธานาธิบดีศรีลังกายืนยัน เขาจะลาออกในวันพุธที่จะถึงนี้ตามที่พูดไว้แน่นอน หลังผู้ประท้วงยืนยันจะปักหลักภายในทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงโคลัมโบ ที่เข้าไปยึดไว้ตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ต่อไป และจะไม่ยอมสลายตัว จนกว่าผู้นำศรีลังกาจะลาออกอย่างเป็นทางการ
สำนักนายกรัฐมนตรีศรีลังกา ออกแถลงการณ์วันที่ 11 ก.ค. ว่า ประธานาธิบดีโกตาบายา ราชปักษา ได้แจ้งกับนายกรัฐมนตรีรานิล วิกรมสิงเห ของศรีลังกาว่า เขาจะลาออกในวันพุธที่จะถึงนี้ตามที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้
อย่างแน่นอน โดยคำแถลงการณ์ดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่กลุ่มผู้ประท้วง ยืนยันที่จะปักหลักอยู่ในทำเนียบประธานาธิบดี ในกรุงโคลัมโบ ของศรีลังกา ต่อไปจนกว่าผู้นำศรีลังกาจะลาออกอย่างเป็นทางการ โดยประธานาธิบดีราชปักษา และนายกรัฐมนตรีวิกรมสิงเห ได้หลบหนีออกจากบ้านพักตั้งแต่เกิดการประท้วงครั้งใหญ่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา และไม่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนมาตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้ว ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังคงไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าทั้งคู่ไปอาศัยอยู่ที่ไหน
ขณะที่ภายในทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงโคลัมโบ ยังคงมีผู้ประท้วงปักหลักอยู่จำนวนมาก เมื่อวานนี้ก็มีชาวศรีลังกาอีกจำนวนหนึ่งพากันเดินทางเข้าไปเพิ่ม พากันเดินในตัวอาคารทำเนียบประธานาธิบดีที่สร้างสมัยที่อังกฤษยังเป็นเจ้าอาณานิคม หลายคนเข้าไปใช้อุปกรณ์ เครื่องใช้ ตามห้องต่างๆ เช่น เครื่องออกกำลังกายในห้องฟิตเนส บ้างก็เอนหลังในห้องนอนหรือตามโซฟา ถ่ายรูปเล่น ส่วนสระว่ายน้ำที่ผู้ประท้วงพากันกระโดดลงไปเล่นเมื่อวันเสาร์ขณะนี้น้ำขุ่นสกปรกไม่มีใครลงไปในสระ โดยรวมนั้นเกิดความเสียหายขึ้นบ้างแต่ไม่มากนัก
ก่อนหน้านี้ ผู้ประท้วงประกาศจะปักหลักอยู่ภายในและจะยังไม่สลายตัวหรือเดินทางออกจากทำเนียบ จนกว่าจะได้รับการยืนยันว่า ประธานาธิบดีราชปักษา ลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี รวมถึงนายกรัฐมนตรีวิกรมสิงเห ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอนแล้วเท่านั้น แม้ว่าทั้งสองประกาศเตรียมลาออกในวันพุธนี้เปิดทางให้จัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติจากทุกพรรคเข้ามาบริหารประเทศก็ตาม ผู้ประท้วง พากันกล่าวว่า ในชีวิตไม่เคยเห็นสถานที่แบบนี้มาก่อน ผู้บริหารประเทศใช้ชีวิตสุดหรูหราในขณะที่ชาวบ้านเดือดร้อนต้องอดมื้อกินมื้อ พวกเขาเชื่อใจนักการเมืองไม่ได้แล้ว เพราะเชื่อใจมานานตั้งแต่ได้รับเอกราชแล้ว แต่ทำให้ต้องสูญเสียทุกอย่างไป
เหตุความวุ่นวายทางการเมืองศรีลังกาได้นำประเทศเข้าสู่วิกฤตทางเศรษฐกิจครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 70 ปี โดยเกิดจากประเทศขาดแคลนเงินตราต่างประเทศ จนทำให้ไม่สามารถนำเข้าสิ่งของจำเป็น อาทิ อาหารและยารักษาโรค รวมถึงเชื้อเพลิงได้ นอกจากนี้ ยังทำให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งไปแตะที่ร้อยละ 54.6 เมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งสูงที่สุดในประวัติศาสตร์และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มไปแตะที่ร้อยละ 70 ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ทำให้ประชาชนจำนวนมากออกมาเรียกร้องให้ผู้นำลาออกเพื่อรับผิดชอบเรื่องที่ไม่สามารถนำพาประเทศผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี