มอสโก/ทบิลิซี (เอพี/รอยเตอร์ส) - ข้อมูลจากรัฐบาลคาซัคสถาน จอร์เจีย และสหภาพยุโรป หรืออียู ระบุว่า มีชาวรัสเซียเดินทางออกนอกประเทศแล้วอย่างน้อย 200,000 คน นับตั้งแต่ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ปูติน ของรัสเซีย สั่งระดมพลรัสเซียครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
รัฐบาลคาซัคสถานรายงานว่าจนถึงวันอังคารที่ผ่านมา มีชาวรัสเซีย 98,000 คนเดินทางเข้าประเทศ เมื่อสัปดาห์ก่อน ขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของจอร์เจียระบุว่า มีชาวรัสเซียกว่า 53,000 คน เดินทางจากรัสเซียเข้ามายังจอร์เจียนับตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน ซึ่งเป็นวันที่ประธานาธิบดีปูตินสั่งระดมพล ส่วนฟรอนเท็กซ์ (Frontex) สำนักงานกิจการพรมแดนของอียู เผยว่า มีชาวรัสเซียเกือบ 66,000 คน เดินทางเข้ามาในประเทศสมาชิกอียูในรอบสัปดาห์
ที่ผ่านมานับถึงวันอาทิตย์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของสัปดาห์ก่อนหน้า
อย่างไรก็ดี หนังสือพิมพ์ New York Times ของสหรัฐฯ ตั้งข้อสังเกตว่า เป็นเรื่องยากที่จะทราบตัวเลขที่แท้จริงของชาวรัสเซียที่เดินทางออกนอกประเทศ เนื่องจากรัสเซียมีพรมแดนติด 14 ประเทศตั้งแต่จีน เกาหลีเหนือ ไปจนถึงประเทศในแถบทะเลบอลติก และรัฐบาลของบางประเทศก็ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลชาวรัสเซียที่เดินทางเข้าประเทศ
ขณะเดียวกัน ชาวจอร์เจียจำนวนมากเดินทางไปรวมตัวที่จุดผ่านแดน ลาร์ซีพรมแดนติดกับรัสเซีย เพื่อประท้วงต่อต้านชายฉกรรจ์ชาวรัสเซีย ที่หลั่งไหลเข้าไปในประเทศเพื่อเลี่ยงการถูกส่งไปรบในยูเครนด้วยการต่อแถวยาวกว่า 10 กิโลเมตร เพื่อข้ามแดน ชาวจอร์เจียเหล่านี้มองว่า การเปิดรับชาวรัสเซียให้เข้าไปหลบซ่อนเป็นการบ่อนทำลายความมั่นคง เศรษฐกิจและเสถียรภาพโดยรวมของจอร์เจีย บางคนถึงกับเชื่อว่าอาจมีสายลับหรือทหารปะปนเข้ามาด้วย
ส่วนสาธารณรัฐนอร์ทออสซีเชีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย โดยตั้งอยู่ทางตอนเหนือ ได้ประกาศใช้มาตรการจำกัดจำนวนรถยนต์ที่เดินทางมาจากพื้นที่อื่นของรัสเซียเมื่อวันพุธ หลังจากที่มีชาวรัสเซียราว 20,000 คนเดินทางเข้ามาในช่วง 2 วัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ารัสเซียอาจกำลังพิจารณาใช้มาตรการจำกัดการเดินทางออกนอกประเทศในอนาคต ทั้งนี้ บางประเทศสมาชิกของอียูได้ประกาศใช้มาตรการจำกัดพรมแดนกับรัสเซียไปก่อนหน้านี้แล้ว เช่น เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย และโปแลนด์
ในอีกด้านหนึ่ง ประธานวุฒิสภารัสเซีย เผยว่า อาจจะพิจารณาเรื่องผนวกแคว้นทั้ง 4 แห่งในยูเครน คือ โดเนตสก์ ลูฮันสก์ ซาโปริซเซีย และเคอร์ซอน ที่ถูกรัสเซียยึดครองบางส่วน ในวันที่ 4 ตุลาคม หรือ 3 วันก่อนที่ประธานาธิบดีปูตินจะมีอายุครบ 70 ปี ด้านฝ่ายบริหารที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัสเซียใน 4 แคว้นได้ยื่นคำขออย่างเป็นทางการให้ปูตินผนวกรวมกับรัสเซีย ตามที่เจ้าหน้าที่รัสเซียแนะนำว่าเป็นขั้นตอนที่ควรทำ การผนวก 4 แคว้นที่มีดินแดนคิดเป็นร้อยละ 15 ของยูเครนจะต้องมีการทำสนธิสัญญาและต้องได้รับสัตยาบันจากรัฐสภารัสเซียที่ควบคุมโดยพันธมิตรของปูติน จากนั้นทั้ง 4 แคว้นจะถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย และอยู่ภายใต้อำนาจการใช้อาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซียตามที่ปูตินเคยประกาศว่า จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ปกป้องดินแดนรัสเซียจากการถูกโจมตี