4 ต.ค.65 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน แสดงท่าทีเป็นครั้งแรกต่อสถานการณ์การประท้วงครั้งใหญ่ที่ลุกลามไปทั่วประเทศนานกว่า 2 สัปดาห์ โดยมีชนวนจากกรณีของ มาห์ซา อามินี หญิงชาวเคิร์ดวัย 22 ปี ที่เสียชีวิตหลังถูกตำรวจศีลธรรมในกรุงเตหะรานจับกุมเนื่องจากไม่สวมฮิญาบ
โดยคาเมเนอี กล่าวถึงการประท้วงเพื่อแสดงความไม่พอใจและต่อต้านรัฐบาลและทางการอิหร่านว่าเป็นการก่อจลาจล พร้อมกล่าวโทษสหรัฐฯ และอิสราเอล ว่าอยู่เบื้องหลังสถานการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้น เพื่อพยายามหยุดความเจริญก้าวหน้าของอิหร่าน
นายอายาตอลเลาะห์ อ้างอีกว่า กลุ่มอำนาจต่างชาติเป็นผู้วางแผนก่อจลาจล เพราะทนไม่ได้ที่อิหร่านแข็งแกร่งมากขึ้นในทุกด้าน “ผมขอพูดอย่างชัดเจนว่า การจลาจลเหล่านี้และความไม่สงบที่เกิดขึ้น ถูกวางแผนโดยอเมริกาและรัฐบาลไซออนิสต์จอมปลอม (อิสราเอล) ผู้ยึดครอง รวมถึงสายลับที่พวกเขาจ้างมา ด้วยความช่วยเหลือของชาวอิหร่านผู้ทรยศบางคนในต่างประเทศ”
ทั้งนี้ องค์กรสิทธิมนุษยชนอิหร่าน ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในนอร์เวย์ เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า มีประชาชนถูกเจ้าหน้าที่ความมั่นคงสังหารระหว่างการประท้วงอย่างน้อย 133 ศพแล้วจนถึงตอนนี้ รวมถึงผู้ชุมนุม 41 คนซึ่งเสียชีวิตในการปะทะที่เมืองซาฮีดาน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
ขณะที่สื่อของรัฐบาลอิหร่าน ระบุจำนวนผู้เสียชีวิตเอาไว้ที่ราว 40 ราย รวมถึงเจ้าหน้าที่ความมั่นคงด้วย
คำพูดของนายคาเมเนอีเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังเจ้าหน้าที่ความมั่นคงปราบปรามการประท้วงของกลุ่มนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีชาริฟ ในกรุงเตหะราน เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่พยายามจะเข้าไปภายในมหาวิทยาลัย แต่กลุ่มนักศึกษาปิดประตูทำให้เกิดการปิดล้อม นักศึกษาที่พยายามออกไปผ่านลานจอดรถใกล้เคียง ถูกเจ้าหน้าที่ไล่จับ ทุบตี ปิดตา แล้วนำตัวไป
การปิดล้อมถูกยกเลิกในเวลาต่อมา หลังจากศาสตราจารย์หลายคนกับรัฐมนตรีของรัฐบาลอิหร่านเข้ามาไกล่เกลี่ย อย่างไรก็ตาม ในวันจันทร์ กลุ่มนักศึกษาประกาศว่าพวกเขาจะไม่กลับไปเรียนจนกว่าเพื่อนนักศึกษาที่ถูกจับกุมจะได้รับการปล่อยตัว
การประท้วงยังเกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยอื่นๆ ในกรุงเตหะราน และเมืองอื่นๆ ในประเทศ รวมถึงเมือง มัชฮัด, อิสฟาฮาน, ชีราซ, ตาบริซ และ เคอร์มันชาห์ ด้วย
.-011