จับตาการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ วันอังคาร (8 พ.ย.) ซึ่งหลายฝ่ายวิเคราะห์กันว่า พรรคเดโมแครต ของประธานาธิบดี โจ ไบเดน อาจสูญเสียคะแนนที่นั่งในสภาให้กับพรรครีพับลิกัน และการเลือกตั้งครั้งนี้ ยังอาจชี้ชะตาถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นใน 2 ปีข้างหน้า
การเลือกตั้งกลางเทอมรอบนี้ เป็นการเลือกตั้ง ส.ส.เต็มสภาทั้งหมด 435 ที่นั่ง และวุฒิสมาชิก 35 ที่นั่ง หรือ 1 ใน 3 จากทั้งหมด 100 ที่นั่ง จากการประเมินของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่า พรรคเดโมแครตจะสูญเสียเสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯ ขณะที่วุฒิสภานั้นขับเคี่ยวกันอย่างสูสีมากจนคาดการณ์ได้ยากมาก
โดยการเลือกตั้งวุฒิสภา ที่ทั้งสองพรรคครองที่นั่งเท่ากัน 50 - 50 ต้องจับตามองไปที่การแข่งขันในรัฐจอร์เจีย แอริโซนา และเพนน์ซิลเวเนีย ที่ถือเป็นรัฐสมรภูมิ และคะแนนเสียงสูสีอย่างมาก จนประธานาธิบดีไบเดน และบารัค โอบามา อดีตประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต รวมถึงโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีของฝั่งรีพับลิกัน ต้องลงพื้นที่หาเสียงช่วยโค้งสุดท้ายเพื่อช่วยผู้สมัครของตน แสดงให้เห็นถึงเดิมพันที่สูงมาก
ส่วนการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ปัจจุบัน พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากในสภาแบบปริ่มน้ำ 220 ต่อ 211 ที่นั่ง พรรครีพับลิกันกำลังเล็งไปที่การช่วงชิงเก้าอี้ในรัฐสำคัญอย่างเวอร์จิเนีย เท็กซัส และมิชิแกน ที่ผู้สมัครของพรรคกำลังเร่งหาเสียงและโจมตีข้อผิดพลาดของคู่แข่งจากเดโมแครต โดยเฉพาะในประเด็นเศรษฐกิจ เพื่อหวังคว้าชัยชนะและครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งหากทำได้ตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ และยังสามารถคว้าชัยชนะและครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาด้วย ก็จะทำให้การทำหน้าที่ผู้ประเทศอีก 2 ปีที่เหลือของไบเดนเป็นไปด้วยความลำบากมากขึ้น เพราะจะไม่สามารถผลักดันกฏหมายต่างๆ ในสภาได้อย่างราบรื่น
ขณะที่ประเด็นที่ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนให้ความสนใจในการเลือกตั้ง หนีไม่พ้นเรื่องของการทำแท้งเสรี กฎหมายกัญชา หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า รวมถึงการใช้พลังงานสะอาดและการแก้ไขปัญหาโลกร้อน ที่ในแต่ละรัฐมีกฎหมายของตนเอง
ในส่วนของประชาคมโลกก็ต้องจับตาการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ เช่นกัน เพราะผลการเลือกตั้งมีส่วนต่อการดำเนินนโยบายบนเวทีระหว่างประเทศของสหรัฐฯ หลังจากนี้อย่างมาก โดยเฉพาะในประเด็นความขัดแย้งในยูเครน เนื่องจากหากพรรคเดโมแครตชนะเลือกตั้ง
ประธานาธิบดีไบเดน ก็ยืนยันว่า จะสนับสนุนด้านงบประมาณและอาวุธให้กับยูเครนเพื่อรับมือกับรัสเซียต่อไป ขณะที่ฝ่ายรีพับลิกันออกมาส่งสัญญาณว่า หากได้ครองเสียงข้างมากทั้งสองสภา จะไม่สนับสนุนร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือยูเครนอีกต่อไป ทำให้ไบเดนจะต้องทำหน้าที่ผู้นำสหรัฐฯ ในอีก 2 ปีที่เหลืออย่างยากลำบาก โดยเฉพาะการให้คำมั่นสัญญาในประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทั้งยูเครน เอเชียแปซิฟิก ที่อาจไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่
นอกจากนี้ ผลการเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้ ยังอาจชี้ชะตาถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นใน 2 ปีข้างหน้า เพราะหากเดโมแครตพ่ายแพ้ หลายฝ่ายในพรรคคงต้องตั้งคำถามมากขึ้นเรื่องความเหมาะสมที่จะสนับสนุนไบเดน ให้เป็นตัวแทนพรรคลงชิงชัยในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในอีก 2 ปีข้างหน้า ที่ในตอนนั้นเขาจะมีอายุ 80 ปี
ขณะที่ทรัมป์ ซึ่งยังคงได้รับความนิยมจากผู้สนับสนุนอย่างมาก บอกแล้วว่า จะประกาศเรื่องใหญ่มากในสัปดาห์หน้า ซึ่งก็คาดกันว่าน่าจะเป็นเรื่องที่เขาเตรียมลงชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกครั้งในการเลือกตั้งปี 2024
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี