ทีมกู้ซากเริ่มงานยกซากสะพานในเมืองบัลติมอร์ รัฐแมริแลนด์ของสหรัฐฯ ที่พังถล่ม หลังจากถูกเรือสินค้าชนเสาตอม่อสะพานเมื่อคืนวันจันทร์ที่แล้ว เป็นก้าวแรกของการทำให้เรือสามารถแล่นเข้าออกท่าเรือบัลติมอร์ได้อีกครั้ง หลังจากปิดไปตั้งแต่เกิดเหตุ
เวส มอร์ ผู้ว่าการรัฐแมริแลนด์ แถลงเมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ว่า คนงานเริ่มการตัดโครงสร้างเหล็กด้านทิศเหนือของสะพานฟรานซิส สกอตต์ คีย์ (Francis Scott Key Bridge) ที่พังลงในแม่น้ำปาแทปสโก (Patapsco River) โดยจะตัดย่อยเป็นชิ้นใหญ่ 1 ชิ้น แล้วใช้เครนยกขึ้นเรือไปไว้บนบก เพื่อเปิดทางให้เรือท้องแบนและเรือลากจูงเข้าไปเร่งการกู้ซากสะพานได้เร็วขึ้น แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะแล้วเสร็จเมื่อใด อย่างไรก็ดี ทีมกู้ซากจะยังไม่พยายามกู้ซากสะพานส่วนที่พังลงมาค้างอยู่บนเรือดาลี (Dali) และยังไม่แน่ชัดว่าจะสามารถเคลื่อนย้ายเรือที่เสียหายเมื่อใด
ผู้ว่าการรัฐแมริแลนด์ ระบุว่า ภารกิจการกู้ซากสะพานและเปิดเส้นทางเดินเรือเข้าออกท่าเรือบัลติมอร์เป็นงานที่มีความซับซ้อนอย่างยิ่ง เพราะต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไปเพื่อไม่ให้ซากสะพานพังลงมาเพิ่ม ส่วนการกู้ศพคนงานซ่อมหลุมบนสะพาน 4 คน ที่ตกลงจากสะพาน และสันนิษฐานว่าเสียชีวิตแล้ว ยังคงต้องระงับอยู่เนื่องจากซากสะพานยังคงเป็นอันตรายเกินไปสำหรับนักประดาน้ำที่จะลงไปค้นหาศพ ด้านหน่วยยามฝั่งแจ้งว่า จะต้องกู้ซากสะพานขึ้นจากแม่น้ำก่อน จึงจะสามารถเคลื่อนย้ายเรือได้ ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดี โจ ไบเดน รับปากว่า รัฐบาลกลางจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการกู้ซากและซ่อมแซมสะพาน โดยได้จัดสรรงบเบื้องต้นแล้ว 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 2,190 ล้านบาท) ตามที่ทางการรัฐแมรีแลนด์ได้ร้องขอแล้ว เป็นการอนุมัติคำร้องภายในไม่กี่ชั่วโมง ทั้งๆ ที่ตามปกติจะต้องใช้เวลาหลายวัน อีกทั้งเขายังมีกำหนดจะเดินทางไปยังเมืองบัลติมอร์ในสัปดาห์หน้าด้วย
ขณะเดียวกัน ผู้ทำงานรายวันที่ท่าเรือบัลติมอร์ราว 15,000 คน ถูกระงับการจ้างงานนับตั้งแต่เกิดเหตุ ท่าเรือแห่งนี้เป็นท่าเรือใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ สำหรับการขนส่งยานยนต์ สินค้าเกษตร และอุปกรณ์การก่อสร้าง
ในอีกด้านหนึ่ง ลอยด์ส ออฟ ลอนดอน ซึ่งเป็นตลาดประกันภัยอังกฤษ ระบุว่า ความเสียหายของสะพานดังกล่าวอาจทำให้บริษัทประกันภัยต้องสูญเสียเงินหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สอดคล้องกับนักวิเคราะห์ที่ประเมินว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นในระดับนี้อาจให้บริษัทประกันต้องสูญเสียเงินค่าสินไหมทดแทนมูลค่าสูงถึง 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (มากกว่า 145,000 ล้านบาท) ซึ่งจะทำให้โศกนาฏกรรมครั้งนี้กลายเป็นการจ่ายเงินชดเชยความเสียหายทางทะเลของบริษัทประกันที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี