เมมฟิส (รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์) - เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ตั้งข้อหาฆาตกรรมอดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจ 5 นาย กรณีทุบตีชายผิวดำคนหนึ่งจนเสียชีวิตที่เมืองเมมฟิส ทางการท้องถิ่นเตรียมการรับมือกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดความไม่สงบ ในขณะที่ประธานาธิบดีโจไบเดน ของสหรัฐฯ เรียกร้องให้ประท้วงอย่างสันติ
ไทร์ นิโคลส์ วัย 29 ปี ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสั่งให้หยุดรถเมื่อวันที่ 7 มกราคม โดยสำนักงานตำรวจเมืองเมมฟิสระบุ มีการขับรถละเมิดกฎจราจร ทนายความของนิโคลส์กล่าวว่า หลังจากการขับรถไล่ติดตามสิ้นสุดลง เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ทุบตีเขาอย่างทารุณ เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 5 ราย ซึ่งเป็นคนผิวดำเช่นกัน ถูกไล่ออกหลังจากการสอบสวนภายในพบว่า เขาใช้กำลังรุนแรงเกินกว่าเหตุและไม่ยอมให้ความช่วยเหลือ นิโคลส์ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในสภาพที่มีอาการสาหัสและเสียชีวิตในวันที่ 10 มกราคม ตำรวจทั้ง 5 นายนอกจากจะถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมระดับ 2 แล้ว เจ้าหน้าที่ของเมืองเมมฟิสยังจะพยายามตั้งข้อหาใช้กำลังทำร้ายและลักพาตัวด้วย ทั้งหมดถูกไล่ออกจากราชการแล้ว
เหตุการณ์ที่นิโคลส์เสียชีวิตเพราะตำรวจทำให้นึกถึงเหตุการณ์เมื่อปี 2020 ที่จอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวดำที่เสียชีวิตเพราะตำรวจผิวขาวที่เมืองมินิอาโปลิส ประธานาธิบดีไบเดนกล่าววานนี้เรียกร้องให้ประชาชนอยู่ในความสงบ โดยเขากล่าวว่า ในขณะที่ชาวอเมริกันเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กระทรวงยุติธรรมได้ดำเนินการสอบสวนและเจ้าหน้าที่ของรัฐยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง เขาขอร่วมกับครอบครัวของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายรายนี้ในการเรียกร้องขอให้ประท้วงอย่างสงบ
ส่วนที่ประเทศเฮติ ตำรวจออกมาประท้วงร่วมกับประชาชนในกรุงปอร์โตแปรงซ์ เมืองหลวงของเฮติเพื่อต่อต้านการที่ตำรวจ 6 นาย ถูกสังหารโดยแก๊งอาชญากรติดอาวุธในประเทศที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งเรียกร้องให้นายอาเรียล อองรี นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งบอกว่าประเทศที่ไม่มีความปลอดภัยเท่ากับปราศจากความเป็นประเทศ และไม่อาจก้าวไปสู่การพัฒนาได้ นอกจากนี้ยังเรียกร้องอาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อต่อสู้กับแก๊งอาชญากรที่ก่อเหตุรุนแรงในประเทศ รวมทั้งการจับตัวประชาชนไปเพื่อเรียกค่าไถ่ ซึ่งสหประชาชาติระบุว่าปีที่ผ่านมามีผู้ถูกลักพาตัวแล้ว 1,359 คน ด้านกลุ่มสิทธิมนุษยชน RNDDH ในเฮติออกแถลงการณ์ว่า มีตำรวจเฮติ 78 นายถูกสังหาร หรือเฉลี่ยตำรวจถูกฆ่าตาย 5 คนต่อเดือน นับตั้งแต่อองรีขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2021 เป็นต้นมา
ขณะนี้ สหประชาชาติกำลังหารือการส่งกองกำลังโจมตีของนานาชาติ เข้าช่วยเฮติปราบกลุ่มอาชญากรรม แต่ตั้งแต่ยูเอ็นเสนอเรื่องนี้เมื่อ 3 เดือนก่อนยังไม่มีประเทศใดเสนอตัวเป็นผู้นำกองกำลังดังกล่าว