‘แอฟริกา’ป่วนอีก! ครั้งนี้‘อิเควทอเรียลกินี-แคเมอรูน’พบไวรัส‘มาร์เบิร์ก’ อาการแรงเหมือน‘อีโบลา’
15 ก.พ. 2566 ทวีปแอฟริกากลับมาปั่นป่วนจากสถานการณ์โรคระบาดรุนแรงอีกครั้ง เมื่อพบรายงานการระบาดของ “ไวรัสมาร์เบิร์ก (Marburg Virus)” เริ่มต้นจากประเทศอิเควทอเรียลกินี ทางตะวันตกของแอฟริกา โดยสำนักข่าว Anadolu Agency ของตุรกี เสนอข่าว Equatorial Guinea reports Marburg virus disease outbreak เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2566 อ้างรายงานขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตในอิเควทอเรียลกินีแล้ว 9 ราย
การระบาดครั้งแรกในประเทศได้รับการยืนยันหลังจากการทดสอบเบื้องต้นดำเนินการหลังจากผู้เสียชีวิตในจังหวัด คี เอ็นเต็ม (Kie Ntem) ในภาคเหนือของอิเควทอเรียลกินี เป็นผลบวก เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2566 ได้ส่งตัวอย่างไปยังห้องปฏิบัติการอ้างอิงของ Institut Pasteur ในเซเนกัล โดยได้รับการสนับสนุนจาก WHO เพื่อหาสาเหตุของโรคหลังจากการแจ้งเตือนจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอเมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2566
จากตัวอย่าง 8 ตัวอย่างที่ทดสอบที่สถาบันปาสเตอร์ (Institut Pasteur) มี 1 ตัวอย่างที่ทดสอบไวรัสในเชิงบวก และเสริมว่าจนถึงขณะนี้ มีผู้ต้องสงสัย 16 รายที่มีอาการ รวมถึงมีไข้ อ่อนเพลีย อาเจียนเป็นเลือด และท้องเสีย โดย มัทชิดิโซ โมเอติ (Matshidiso Moeti) ผู้แทนประจำภูมิภาคแอฟริกาขององค์การอนามัยโลก กล่าวว่า ไวรัสมาเบิร์ก มีการติดเชื้อสูง ต้องขอบคุณการดำเนินการอย่างรวดเร็วและเด็ดขาดของทางการอิเควทอเรียลกินีในการยืนยันโรค การตอบสนองฉุกเฉินสามารถดำเนินการได้อย่างเต็มที่อย่างรวดเร็ว เพื่อให้เราช่วยชีวิตและหยุดไวรัสโดยเร็วที่สุด
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า การสอบสวนเพิ่มเติมยังดำเนินอยู่ และทีมล่วงหน้าได้ส่งกำลังไปประจำการในเขตที่ได้รับผลกระทบเพื่อติดตามผู้สัมผัส เช่นเดียวกับการกักตัวและให้การรักษาพยาบาลแก่ผู้ที่แสดงอาการของโรค ทั้งนี้ ไวรัสมารืเบิร์ก ซึ่งอยู่ในตระกูลเดียวกับไวรัสที่ทำให้เกิดโรคอีโบลา มีความรุนแรงสูงและแสดงอาการเป็นไข้เลือดออก โดยมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึงร้อยละ 88
อาการป่วยจากไวรัสมาร์เบิร์ก Marburg จะเริ่มขึ้นอย่างกะทันหันโดยมีไข้สูง ปวดศีรษะรุนแรง และมีอาการไม่สบายอย่างรุนแรง ผู้ป่วยหลายรายมีอาการเลือดออกรุนแรงภายใน 7 วัน ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนหรือยาต้านไวรัสที่ได้รับการรับรองว่าสามารถรักษาไวรัสได้ โดยติดต่อจากสัตว์สู่คนจากค้างคาวผลไม้ และแพร่กระจายจากคนสู่คน ผ่านการสัมผัสโดยตรงกับสารคัดหลั่งในร่างกายของผู้ที่ติดเชื้อ พื้นผิว และวัสดุต่างๆ
เว็บไซต์ ungeneva.org ของสำนักงานสหประชาชาติ ณ เมืองเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ เผยแพร่จดหมายข่าว WHO supports Equatorial Guinea in combatting country’s first-ever deadly Marburg virus outbreak ระบุว่า ไวรัสมาร์เบิร์กเป็นเชื้อที่หายากและมีลักษณะคล้ายกับไวรัสอีโบลา ผู้ติดเชื้อจะมีอาการป่วยรุนแรงและอัตราการเสียชีวิตสูงถึงร้อยละ 88 การระบาดระลอกล่าสุดนั้นยืนยันผู้เสียชีวิตแล้ว 9 ราย และมีกลุ่มเสี่ยงต้องสงสัยอีก 16 ราย
ในวันที่ 14 ก.พ. 2566 องค์การอนามัยโลก เรียกประชุมด่วนกลุ่มสมาคมวัคซีนไวรัสมาร์เบิร์ก (MARVAC) เพื่อหารือเกี่ยวกับการระบาด สมาคมนี้เป็นการรวมตัวของผู้นำในด้านการวิจัยและพัฒนาวัคซีน ซึ่งทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาวัคซีนป้องกันโรค สำหรับผู้เสียชีวิตที่จังหวัด คี เอ็นเต็ม รายงานการเสียชีวิตเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 7 มกราคมถึง 7 กุมภาพันธ์ ตามรายงานของสื่อ มีการส่งตัวอย่างไปตรวจที่ห้องปฏิบัติการในประเทศเซเนกัล มีการทดสอบตัวอย่าง 8 ตัวอย่าง ซึ่งหนึ่งในนั้นกลายเป็นบวก
WHO ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญด้านเหตุฉุกเฉินด้านสุขภาพในด้านระบาดวิทยา การจัดการกรณี การป้องกันการติดเชื้อ ห้องปฏิบัติการ และการสื่อสารความเสี่ยง รวมถึงอำนวยความสะดวกในการจัดส่งเต็นท์ ถุงมือสำหรับห้องปฏิบัติการสำหรับการทดสอบตัวอย่าง เช่นเดียวกับชุดตรวจไข้เลือดออก 1 ชุด ซึ่งรวมถึงอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลสำหรับบุคลากรสาธารณสุข 500 คน
ไวรัสมาร์เบิร์ก (หรือมาร์บวร์กในภาษาเยอรมัน) ถูกพบครั้งแรกในปี 2510 หลังจากเกิดการระบาดพร้อมกันในเมืองมาร์บวร์กและแฟรงก์เฟิร์ตของเยอรมนี และในกรุงเบลเกรด ประเทศเซอร์เบีย อาการป่วยจะเริ่มขึ้นอย่างฉับพลัน มีไข้สูง ปวดศีรษะรุนแรงและมีอาการไม่สบายอย่างรุนแรง ผู้ป่วยหลายรายมีอาการตกเลือดอย่างรุนแรงภายในเจ็ดวัน อนึ่ง แม้ว่ายังไม่มีวัคซีนหรือยาต้านไวรัสที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้รักษาได้เป็นการเฉพาะ แต่การให้สารน้ำทางปากหรือทางเส้นเลือดดำคืน และการรักษาตามอาการ ช่วยเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิต
เว็บไซต์ นสพ.The Sydney Morning Herald สื่อท้องถิ่นเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เสนอข่าว Incurable Ebola-like virus spreads to Cameroon after killing several across border อ้างการเปิดเผยของ โรเบิร์ต มาธูริน บิดจัง (Robert Mathurin Bidjang) ผู้แทนสาธารณสุขระดับภูมิภาค ว่า ทางการประเทศแคเมอรูน พบผู้ต้องสงสัยติดเชื้อไวรัสมาร์เบิร์ก 2 ราย ที่ชุมชนโอลัมเซ (Olamze) บริเวณชายแดนแคเมอรูน-อิเควทอเรียลกินี โดยทางอิเควทอเรียลกินี เพิ่งประกาศการระบาดของไวรัสดังกล่าวเมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2566 มีการกักตัวผู้ต้องสงสัยแล้วกว่า 200 ราย
บิดจัง ซึ่งกล่าวถึงเรื่องนี้ในการประชุมที่กรุงยาอุนเด เมืองหลวงของแคเมอรูน ระบุว่า เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2566 พบผู้ต้องสงสัย 2 ราย ทั้งคู่อายุ 16 ปี เป็นชาย 1 คน และหญิง 1 คน ซึ่งไม่มีประวัติการเดินทางไปยังเควทอเรียลกินีมาก่อน ขณะที่กลุ่มเสี่ยงอีก 42 คนที่สัมผัสกับเด็กสองคนดังกล่าวได้รับการระบุตัวตนแล้ว และการติดตามผู้สัมผัสยังคงดำเนินการอยู่ ทั้งนี้ แคเมอรูนได้จำกัดการเคลื่อนย้ายตามแนวชายแดนเพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่ระบาด
จอร์จ อาเมห์ (George Ameh) ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำอิเควทอเรียลกินี กล่าวว่า การเฝ้าระวังในภาคสนามเพิ่มความเข้มข้นขึ้น เพราะการติดตามผู้สัมผัสเป็นรากฐานที่สำคัญของการตอบสนอง ภารกิจครั้งนี้ได้ปรับใช้ทีมตอบโต้ที่เคยใช้รับมือสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 อีกครั้ง ซึ่งอยู่ที่นั่นเพื่อติดตามผู้สัมผัส และติดตั้งเพิ่มเติมอย่างรวดเร็วเพื่อช่วยเหลือ โดยกำลังดำเนินการตามแผนรับมือ 30 วัน ซึ่งควรจะสามารถหามาตรการและปริมาณความต้องการที่แน่นอน
ขอบคุณเรื่องจาก
https://www.aa.com.tr/en/health/equatorial-guinea-reports-marburg-virus-disease-outbreak/2819438
https://www.ungeneva.org/en/news-media/news/2023/02/77908/who-supports-equatorial-guinea-combatting-countrys-first-ever-deadly
https://www.smh.com.au/world/africa/two-suspected-cases-of-marburg-virus-found-in-cameroon-near-equatorial-guinea-20230215-p5ckn1.html
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี