องค์กรฟินมา (FINMA) ผู้ดูแลตรวจสอบทางการเงินของสวิตเซอร์แลนด์ออกแถลงการณ์ว่า ธนาคารเครดิตสวิส สามารถเข้าถึงสภาพคล่องจากธนาคารกลางหากต้องการ เป็นการรีบเร่งเข้ามาบรรเทาความกลัวที่มีต่อธนาคารแห่งนี้ หลังจากที่หุ้นธนาคารในยุโรปดิ่งหนักในวันพุธ อย่างไรก็ดี ฟินมาและธนาคารแห่งชาติสวิส ระบุในแถลงการณ์ร่วม อ้างอิงถึงความโกลาหลจากการล้มของซิลิคอนแวลลีย์ หรือ เอสวีบี และธนาคารซิกเนเจอร์ ในสหรัฐฯ ด้วยว่า ยังไม่มีสิ่งบ่งชี้ถึงความเสี่ยงโดยตรงต่อความเสี่ยงสำหรับสถาบันการเงินของสวิส อันเนื่องจากความปั่นป่วนวุ่นวายของตลาดธนาคารของสหรัฐฯ
แถลงการณ์มีขึ้นหลังหุ้นของธนาคารเครดิต สวิส ดิ่งลงกว่าร้อยละ 30 ในวันพุธ ส่งผลให้ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารในยุโรปพากันร่วงลงถึงร้อยละ 7ขณะเดียวกัน เครื่องมือป้องกันการผิดนัดชำระหนี้ที่เรียกว่า CDS (Credit Default Swaps) ระยะเวลา 5 ปี ของธนาคารสวิส ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ก่อให้เกิดความกังวลต่อความเสี่ยงในระบบการเงินของสวิตเซอร์แลนด์
ทั้งนี้ ธนาคารเครดิตสวิสประสบปัญหาในการหาเงินทุนเพิ่มเติมจากบรรดานักลงทุนรายใหญ่ที่ไม่เชื่อมั่นในธนาคารและข้อจำกัดต่างๆ โดยเฉพาะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด คือ ธนาคารแห่งชาติซาอุดี (Saudi National Bank) ยืนยันว่าจะไม่เพิ่มการลงทุนในเครดิตสวิส ทำให้ต้องขอความช่วยเหลือจากธนาคารแห่งชาติสวิส และฟินมา ผู้ดูแลตรวจสอบทางการเงินของสวิตเซอร์แลนด์
ส่วนในสหรัฐฯ มีรายงานว่ากลุ่มผู้ถือหุ้นยื่นฟ้องกลุ่มการเงินเอสวีบีหรือเอสวีบีไฟแนนเชียลกรุ๊ป (SVB.O) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเอสวีบี และ
ผู้บริหาร 2 คนของเอสวีบี คือ นายเกร็ก เบ็กเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ ของเอสวีบี และนายแดเนียลเบ็ก ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน หรือซีเอฟโอ ที่ศาลรัฐบาลกลางในเมืองซานโฮเซ รัฐแคลิฟอร์เนีย คำฟ้อง ระบุว่า เอสวีบี ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ที่เมืองซานตาคลารา รัฐแคลิฟอร์เนียไม่เปิดเผยให้ผู้ถือหุ้นทราบเรื่องดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้นจะสั่นคลอนรูปแบบการทำธุรกิจอย่างไร และจะทำให้เอสวีบีซึ่งมีสตาร์ทอัพเป็นฐานลูกค้าหลักเสียหายมากกว่าธนาคารที่มีฐานลูกค้าอื่นอย่างไร คำฟ้องเรียกค่าเสียหายที่ไม่ได้ระบุจำนวนให้แก่ผู้ลงทุนในเอสวีบี ระหว่างวันที่ 16 มิถุนายน 2564 ถึงวันที่ 10 มีนาคม 2566 การฟ้องร้องครั้งนี้เป็นการฟ้องร้องคดีแรกนับตั้งแต่เอสวีบีถูกทางการสหรัฐฯ สั่งปิดกิจการและอายัดทรัพย์เมื่อวันที่ 10 มีนาคม หลังจากลูกค้าพากันแห่ถอนเงิน เนื่องจากธนาคารเปิดเผย 2 วันก่อนหน้านั้นว่า ขาดทุนหลังจากหักภาษีแล้ว 1,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(ราว 62,000 ล้านบาท) และมีแผนจะระดมทุน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี