2 พฤษภาคม 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศผ่านโซเชียลมีเดียสั่งห้ามทุกประเทศซื้อ “น้ำมันอิหร่าน” จุดชนวนความตึงเครียดอีกครั้ง หลังการเจรจานิวเคลียร์สหรัฐฯ-อิหร่านถูกเลื่อนอย่างกะทันหัน พร้อมขู่แรง “ใครฝ่าฝืนจะหมดสิทธิ์ทำธุรกิจกับอเมริกาโดยสิ้นเชิง”
โดยทรัมป์โพสต์โดยตรงผ่านโซเชียลมีเดียว่า “การซื้อน้ำมันหรือผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีจากอิหร่านต้องหยุดเดี๋ยวนี้! ใครที่ยังกล้าซื้อ จะไม่สามารถติดต่อค้าขายกับสหรัฐฯ ได้อีกต่อไป ไม่ว่าจะในรูปแบบใด”
การประกาศของทรัมป์มีขึ้นหลังโอมานเลื่อนการเจรจานิวเคลียร์รอบใหม่ ซึ่งเดิมมีกำหนดจัดในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ขณะเดียวกันแหล่งข่าวจากรัฐบาลสหรัฐฯ เผยว่า ยังไม่เคยยืนยันเข้าร่วมเจรจารอบที่ 4 ในกรุงโรม แต่คาดว่าอาจมีขึ้นในอนาคตอันใกล้
สำหรับการเจรจารอบก่อนหน้าเคยจัดขึ้นที่กรุงมัสกัต ประเทศโอมาน โดยมีเป้าหมายเพื่อจำกัดโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน แลกกับการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ ที่ดำเนินมานานหลายทศวรรษ
จากข้อมูลของสำนักงานพลังงานสหรัฐฯ (EIA) ระบุว่า จีนถือเป็นลูกค้ารายใหญ่ของอิหร่าน โดยในปี 2023 เพียงปีเดียว จีนรับซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่านสูงถึง 90% ของยอดส่งออกทั้งหมด ซึ่งอาจกลายเป็นเป้าหมายหลักของมาตรการคว่ำบาตรทุติยภูมิที่ทรัมป์เตรียมงัดออกมาเล่น
ทั้งนี้ ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ก็อยู่ในภาวะตึงเครียดอยู่แล้ว จากนโยบายขึ้นภาษีสินค้าจีนกว่า 145% ที่ทรัมป์ใช้กดดันทางเศรษฐกิจ
ด้านนายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ คนใหม่ ซึ่งควบตำแหน่งที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ ระบุในรายการ Hannity ช่อง Fox News ว่า “หากอิหร่านต้องการพลังงานนิวเคลียร์เพื่อผลิตไฟฟ้า ก็สามารถนำเข้ายูเรเนียมเสริมสมรรถนะได้ ไม่จำเป็นต้องเสริมเอง” พร้อมย้ำว่า “นี่คือโอกาสดีที่สุดที่อิหร่านจะได้รับ”
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในบรรยากาศที่เปราะบาง ขณะสหรัฐฯ ยังเปิดปฏิบัติการทางทหาร “Operation Rough Rider” ถล่มกลุ่มฮูตีในเยเมน ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของอิหร่าน
โดยนายพีท เฮกเซ็ธ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ส่งสารเตือนชัดเจนว่า “สหรัฐฯ เห็นชัดถึงการสนับสนุนอาวุธให้กลุ่มฮูตี และรู้ทุกการเคลื่อนไหวของอิหร่าน” พร้อมย้ำว่า “รู้ดีว่ากองทัพอเมริกาทำอะไรได้บ้าง และอิหร่านจะต้องชดใช้ในเวลาและสถานที่ที่สหรัฐฯ เป็นผู้กำหนด”
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อิหร่านเพิ่งเผชิญเหตุระเบิดรุนแรงที่ท่าเรือแห่งหนึ่ง มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 70 ราย และบาดเจ็บกว่า 1,000 คน ยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางตึงเครียดมากยิ่งขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี