มอสโก/วอชิงตัน (เอเอฟพี/รอยเตอร์ส) -รัสเซียเพิ่มกำลังการผลิตกระสุนหลายเท่าตัวเพื่อส่งไปยังแนวรบในยูเครนที่กำลังขาดแคลนอย่างหนักทั้งสองฝ่าย ขณะที่สมรภูมิเมืองบาคห์มุตยังรบกันอย่างดุเดือด ด้านสหรัฐฯ หยุดส่งข้อมูลเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ให้แก่รัสเซียแล้ว หลังรัสเซียประกาศระงับสนธิสัญญาควบคุมนิวเคลียร์ “นิว สตาร์ท”
เซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมของรัสเซีย เดินทางไปตรวจเยี่ยมโรงงานผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ที่นำไปใช้ในสงครามยูเครนซึ่งได้เพิ่มกำลังการผลิตเครื่องกระสุนหลายเท่าตัวแล้วกระทรวงกลาโหมยังออกแถลงการณ์ว่า มีแผนที่จะเพิ่มกำลังผลิตอีก 7-8 เท่าภายในสิ้นปีนี้ เพื่อตอบรับความต้องการใช้ในสนามรบ
ความขาดแคลนเครื่องกระสุนในสนามรบเป็นปัญหาสำคัญของทั้งรัสเซียและยูเครน ที่ได้ต่อสู้กันมานานกว่า 1 ปีแล้วทั้งสองฝ่ายจึงเร่งกำลังการผลิตหรือจัดหาจากแหล่งต่างๆ โดยฝ่ายยูเครนเพิ่งได้รับแจ้งจากสหภาพยุโรป หรืออียู ว่าจะส่งเครื่องกระสุนมูลค่า 2,000 ล้านยูโรให้
ส่วนในพื้นที่สู้รบที่หนักหน่วงที่สุดยังคงเป็นเมืองบาคห์มุต เมืองหน้าด่านทางตะวันออก ซึ่งทั้งสองฝ่ายต้องสูญเสียและระดมสรรพกำลังมาสู้รบกันนานกว่า 6 เดือนแล้ว กระทรวงกลาโหมรัสเซียเพิ่งประกาศว่า ได้ยิงทำลายจรวดจากระบบฮีมาร์ส ที่สหรัฐฯ มอบให้ยูเครนได้เป็นครั้งแรก
ที่ผ่านมาระบบ ฮีมาร์ส เป็นปัจจัยสำคัญทำให้ยูเครนรุกกลับได้ในหลายพื้นที่โดยเฉพาะการยึดคืนเมืองเคอร์ซอนได้เมื่อปลายปีที่แล้ว แต่ฝ่ายรัสเซียยังคงยืนกรานว่า อาวุธที่ชาติตะวันตกมอบให้ยูเครนไม่มีผลต่อการรบ แต่จะยิ่งทำให้ความขัดแย้งยืดเยื้อออกไปโดยที่ยูเครนต้องสูญเสียหนักยิ่งขึ้น ส่วนฝ่ายยูเครนก็ยืนยันว่า จะปักหลักไม่ยอมสูญเสียเมืองบาคห์มุต แล้วให้รัสเซียค่อยๆ สูญเสียกำลังพลไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อล่าสุด ที่ยูเครนเพิ่งได้รับมอบรถถังไฮเทค “เลพเพิร์ด” จากเยอรมนี จำนวน 18 คัน
ในอีกด้านหนึ่ง ทำเนียบขาวของสหรัฐฯเปิดเผยว่า สหรัฐฯ ได้แจ้งต่อรัสเซียแล้วว่า จะหยุดแลกเปลี่ยนข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ กับรัสเซีย หลังจากที่รัสเซียได้ประกาศระงับสนธิสัญญาควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ที่มีชื่อว่า “นิว สตาร์ท” (New START) ตั้งแต่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาแม้รัสเซียจะมิได้ถึงกับถอนตัวอย่างเป็นทางการออกจากสนธิสัญญานี้ก็ตาม
สนธิสัญญาควบคุมอาวุธนิวเคลียร์นิว สตาร์ท มีชื่อเต็มว่า สนธิสัญญาลดอาวุธเชิงยุทธศาสตร์ สหรัฐฯและรัสเซียได้ลงนามในปี 2010 และจะหมดอายุลงในปี 2026 มีสาระสำคัญคือ จำกัดจำนวนหัวรบนิวเคลียร์ยุทธศาสตร์ที่สหรัฐฯ และรัสเซียประจำการทั้งทางบก ทะเลและอากาศ ไว้ที่ฝ่ายละไม่เกิน 1,550 หัวรบเท่านั้น ในจำนวนนี้ รวมถึงการจำกัดขีปนาวุธภาคพื้นดิน ที่ติดบนเรือดำน้ำ และที่ติดบนเครื่องบินทิ้งระเบิดรวมกันไว้ที่ 700 หัวรบข้อตกลงนี้นับเป็นข้อตกลงสุดท้ายที่เหลืออยู่ ในการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ กับรัสเซีย โดย 2 ประเทศครอบครองหัวรบนิวเคลียร์รวมแล้วเกือบร้อยละ 90 ของหัวรบนิวเคลียร์ทั้งหมดที่มีอยู่โลกนี้ เป็นจำนวนมากพอที่จะทำลายโลกทั้งโลกได้หลายรอบ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี