สื่อสิงคโปร์จับตา"กัญชา"วิวาทะการเมืองไทย ความกังวลของเกษตรกร-ร้านค้ากับนโยบายหลังเลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2566 สำนักข่าว Channel News Asia ของสิงคโปร์ เสนอรายงานพิเศษ Thailand's move to legalise cannabis emerges as election issue with some parties expressing concerns ว่าด้วยนโยบายการทำกัญชาให้ถูกกฎหมาย ที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2565 และทำให้ตลาดกัญชาเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งในกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ได้กลายเป็นประเด็นทางการเมือง เมื่อประเทศไทยกำลังจะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในวันที่ 14 พ.ค.2566 ขณะที่ร่างกฎหมายควบคุมการใช้กัญชา ยังคงค้างอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร
เนื่องจากการใช้กัญชาไม่สามารถควบคุมได้อย่างกว้างขวาง จึงกลายเป็นข้อถกเถียงในสังคมไทย รวมถึงบรรดาพรรคการเมืองต่างกระตือรือร้นที่จะแยกแยะตัวเองจากอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อเอาชนะผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มีความคิดเห็นรุนแรงเกี่ยวกับกัญชา ในขณะที่ผู้สมัครชั้นนำส่วนใหญ่ชัดเจนว่าต้องมีกฎระเบียบมากขึ้นเพื่อควบคุมอุตสาหกรรม ลักษณะและวิธีการดำเนินการจะแตกต่างกันไป
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (Pita Limjaroenrat) หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ในขณะที่เปิดกว้างให้กัญชามีการปลูกและใช้ในรูปแบบที่มีการควบคุม ตนต้องการให้กัญชากลับไปอยู่ในบัญชียาเสพติดเพื่อให้สามารถควบคุมได้ดีขึ้น พรรคก้าวไกลไม่สนับสนุนการใช้กัญชาเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ ไม่สนับสนุนภาวะสุญญากาศของกัญชา แต่สนับสนุนกัญชาที่มีมาตรการควบคุม สนับสนุนการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ ประโยชน์ต้องมากกว่าผลเสียในทุกด้าน ดังนั้นใส่กัญชากลับเข้าไปในบัญชีสารเสพติดแล้วใช้การควบคุม เพื่อให้กัญชาสร้างประโยชน์มากกว่าโทษ
เศรษฐา ทวีสิน (Srettha Thavisin) ผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในนามพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่ต้องการให้กัญชาถูกกฎหมายอย่างเต็มรูปแบบ เป็นที่มันชัดเจนมากว่าไม่ต้องการร่วมมือกับพรรคการเมืองใดๆ ที่สนับสนุนการทำให้กัญชาถูกกฎหมายอย่างเต็มรูปแบบ แต่ต้องการเฉพาะกัญชาเพื่อการแพทย์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตว่า เดิมทีนั้นพรรคเพื่อไทยเคยลงคะแนนเสียงเห็นชอบให้กัญชาถูกกฎหมาย แต่ได้หันไปเน้นนโยบายยาเสพติดที่เข้มงวดมากขึ้นในช่วงหาเสียง
ที่ จ.บุรีรัมย์ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ภาคอีสาน) ของไทย Siwasan Khobjaiklang สมาชิกของวิสาหกิจชุมชนที่จดทะเบียนกับรัฐบาลและจัดหาผลิตภัณฑ์กัญชาสำหรับร้านจำหน่ายที่ถูกกฎหมายทั่วประเทศ กล่าวว่า กัญชาเป็นพืชที่ทำรายได้สูงสุดในบรรดาพืชทั้งหมดที่เกษตรกรปลูกได้ โดยหากเปรียบเทียบแล้ว การปลูกกัญชารอบเดียวทำรายได้มากกว่าการปลูกข้าวถึง 10 ปี และการปลูกกัญชาในประเทศไทยไม่ใช่เรื่องยาก พร้อมตั้งคำถามว่า เช่นเดียวกับอาชีพทำนาที่ปลูกข้าวและอื่นๆ เราปลูกมันเพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวไม่ใช่หรือ
เกษตรกรในพื้นที่มีความมั่นใจแม้ว่าการทำให้กัญชาถูกกฎหมายในประเทศไม่สามารถถอยหลังกลับได้อีกไม่ว่าใครจะเข้ามามีอำนาจก็ตาม เนื่องจากระดับการลงทุนที่หลายคนได้ทำไปแล้ว Siwasan กล่าวย้ำว่า แนวคิดของการทำให้ผิดกฎหมายอีกครั้งไม่สมเหตุสมผล ไม่มีใครจะกำจัดกัญชา แต่อยู่ที่ว่ากฎหมายจะเข้มงวดแค่ไหน นี่จะเป็นความท้าทายของเกษตรกรที่จะต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ อีกทั้งกล่าวถึงพรรคเพื่อไทยด้วยว่า พรรคใหญ่พูดอย่างชัดเจนว่าต้องการให้กัญชากลับมาอยู่ในรายชื่อยาเสพติด แต่ในความเป็นจริง กฎหมายกัญชามีความก้าวหน้าไปไกลกว่านั้น และตนไม่คิดว่าพวกเขาจะกล้าลุกขึ้นมาต่อต้านผู้ประกอบการระลอกใหม่ที่ก้าวกระโดดในธุรกิจนี้
บุรีรัมย์ถูกตั้งฉายาอย่างไม่ได้ตั้งใจว่า “เมืองหลวงกัญชา” เนื่องด้วยเป็นฐานที่มั่นหลักของ พรรคภูมิใจไทย พรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นในปี 2551 ด้วยบทบาททางการเมืองอย่างสูงของ เนวิน ชิดชอบ (Newin Chidchob) นักธุรกิจในท้องถิ่น สำหรับภาคอีสานแล้ว พรรคภูมิใจไทยหยั่งรากลึกถึงในระดับชุมชน โดยเฉพาะที่ จ.บุรีรัมย์ ดังนั้นถือเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวสำหรับพรรคอื่นๆ ที่คิดจะเจาะฐานเสียงคนในพื้นที่ดังกล่าว
ในการเลือกตั้งครั้งก่อนหน้าเมื่อปี 2562 พรรคภูมิใจไทยได้ 51 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร กลายเป็นพันธมิตรสำคัญในการช่วยให้ พรรคพลังประชารัฐ ได้จัดตั้งรัฐบาล และตัวแทนของพรรคพลังประชารัฐคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (Prayut Chan-o-cha) ได้ครองเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ขณะที่ อนุทิน ชาญวีรกูล (Anutin Charnvirakul) หัวพน้าพรรคภูมิใจไทย ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และเป็นผู้ผลักดันกัญชาให้ถูกกฎหมายในเวลาต่อมา
สำหรับการเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค. 2566 พรรคภูมิใจไทยตั้งเป้ากวาดที่นั่ง ส.ส. เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากครั้งก่อน ผลลัพธ์ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับโมเมนตัมของนโยบายสนับสนุนกัญชาที่ประสบความสำเร็จ ถึงกระนั้น อนุทิน ยืนยันว่า ต่อไปการควบคุมกัญชาจะเป็นนโยบายของพรรค อ้างอิงจากจดหมายเปิดผนึกถึง เศรษฐา ทวีสิน คู่แข่งจากพรรคเพื่อไทย โดย อนุทิน ระบุว่า พรรคภูมิใจไทยไม่สนับสนุนการใช้กัญชาเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ ซึ่งเป็นเหตุผลในการออกกฎหมายเพื่อควบคุมการใช้กัญชาในทางที่ผิด และสนับสนุนการใช้กัญชาเพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ สุขภาพ และเศรษฐกิจ
สื่อสิงคโปร์กล่าวต่อไปว่า ความนิยมที่มากขึ้นของพรรคภูมิใจไทย อาจทำให้อนุทิน มีบทบาทสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลชุดต่อไป หรือแม้กระทั่งถึงขั้นเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล สำหรับนโยบายกัญชา พรรคภูมิใจไทยได้ตีกรอบประเด็นนี้เป็นเรื่องเศรษฐกิจ พรรคได้โต้แย้งเสมอว่า กัญชาเป็นพืชทำเงินซึ่งสามารถสร้างรายได้จำนวนมากแก่พื้นที่ยากจนของประเทศ นั่นคือภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ
การแจกจ่ายเมล็ดพันธุ์กัญชาให้กับครัวเรือนได้กระตุ้นให้คนไทยโดยเฉลี่ยเข้าร่วม
ในขณะเดียวกัน ผู้นำในอุตสาหกรรมกำลังช่วยเปลี่ยนเกษตรกรทั่วไปจากพืชหลักตามปกติของพวกเขา เช่น ข้าว มันเทศ และอ้อย และพยายามเป็นทางเลือกที่ให้ผลกำไรมากกว่า โดย Chidchanok Chidchob ผู้ก่อตั้งธุรกิจการเกษตร Pan Buriram กล่าวว่า พืชหลายอย่างเป็นสินค้าเกษตรที่ได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาล จึงรู้สึกว่าไม่ใช่แหล่งรายได้ของเกษตรกรที่มีความมั่นคงมากนัก องค์กรที่ตนก่อตั้งนำเกษตรกรในท้องถิ่นเข้ามาและให้ความรู้เชิงปฏิบัติเพื่อเริ่มปลูกพืชกัญชาของตนเอง ซึ่งกระบวนการเติบโตต้องใช้แรงงานอย่างเข้มข้นและตัวพืชก็มีความละเอียดอ่อน ซึ่งหมายความว่าไม่น่าเป็นไปได้ที่การนำมาใช้ในวงกว้าง
อย่างไรก็ตาม ชะตากรรมของธุรกิจผู้ปลูกและผู้ขายกัญชาในพื้นที่บุรีรัมย์อาจขึ้นอยู่กับผลงานของพรรคภูมิใจไทยและการเจรจาหลังการเลือกตั้ง อาทิ Ann Khoonoram ยอมรับว่า ตนกังวลกับผลการเลือกตั้ง และอยากให้ผู้มีอำนาจให้โอกาสในการดำเนินธุรกิจต่อไป พวกตนที่เปิดร้านไปแล้วต้องการให้กฎหมายมีความชัดเจนและสอดคล้องกันในแง่ของทิศทางที่กฎหมายกำลังดำเนินไป แต่ไม่มีทางแน่ใจได้เลยว่าวันหนึ่งอาจย้อนกลับไปสู่การทำให้กัญชาผิดกฎหมาย และหากเปลี่ยนกฎหมายตนก็ต้องยอมรับ เช่นเดียวกับ Worapot Kotcharat เกษตรกรผู้ปลูกข้าวและกัญชาในบุรีรัมย์ ยอมรับว่า กัญชาเป็นประเด็นอ่อนไหว ตอนนี้สิ่งต่างๆ ดูไม่ค่อยดี เพราะผู้คนจำนวนมากพยายามใช้สถานการณ์ทางการเมืองเพื่อจับกัญชาเป็นตัวประกัน
ผู้จับตาการเมืองในบุรีรัมย์คาดหวังว่าพรรคภูมิใจไทยจะครองคะแนนในท้องถิ่นเมื่อการเลือกตั้งปิดในวันที่ 14 พ.ค. 2566 ในขณะที่พลวัตระดับชาติชี้ให้เห็นถึงการแข่งขันที่สูสีระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคเพื่อไทยในหลายพื้นที่ แต่คาดว่าคนในท้องถิ่นจะเลือกผู้สมัครพรรคภูมิใจไทยที่เคยดำรงตำแหน่งในรัฐสภาชุดที่แล้วอีกครั้ง โดย ผศ.ดร.สถาพร วิชัยรัมย์ (Sathaporn Wichairam) อาจารย์สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎบุรีรัมย์ กล่าวว่า กระแสการเมืองโดยเฉพาะในพื้นที่บุรีรัมย์ดูเอนเอียงไปทางการเทคะแนนเสียงถล่มทลายอย่างที่เห็นในโพลหลายสำนัก
ผศ.ดร.สถาพร ยังคาดการณ์ว่า การโต้วาทีเรื่องกัญชาในขณะที่พาดหัวข่าวทั่วประเทศไทย จะช่วยโน้มน้าวใจคนในท้องถิ่นได้ไม่น้อย ซึ่งกังวลเรื่องปัญหาเศรษฐกิจมากกว่า เพราะภาคอีสานมีปัญหาไม่กี่อย่าง คือ โครงสร้างพื้นฐาน ผู้มีรายได้น้อย และปัญหาผลผลิตทางการเกษตรที่ทำให้เกษตรกรเป็นผู้มีรายได้น้อย หรือปัญหาหลักคือความยากจน ประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่ต้องการให้มีกินมีใช้ เรื่องนี้จึงสำคัญมากกว่าปัญหาอื่นๆ
ถึงกระนั้น ใช่ว่าทุกคนใน จ.บุรีรัมย์ จะเห็นด้วยกับการสนับสนุนกัญชา ซึ่งรวมถึง จำรัส เวียงสงค์ (Jamras Wiangsong) ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย ที่ลงชิงเก้าอี้ สส. ในเขต 10 ของจังหวัดดังกล่าว ชี้ว่า การเคลื่อนไหวที่เริ่มต้นในบุรีรัมย์เป็นต้นตอของการทำให้กัญชาแพร่ระบาดไปทั่วประเทศ โดยมีการโฆษณาชวนเชื่อว่ากัญชาสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจของคนในท้องถิ่นได้ จนปัจจุบันเริ่มเห็นภาพเด็กเดินถือบ้องสูบกัญชา ซึ่งตนมองว่าเสี่ยงมากหากรัฐบาลไม่รีบตัดประเด็นนี้ออกไป มันจะกลายเป็นประเด็นทางสังคมสำหรับเยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติ
รายงานข่าวทิ้งท้ายที่ความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทย ที่แม้จะเป็นคู่แข่งทางการเมือง มีเรื่องบาดหมางกันในอดีต รวมถึงกำลังมีวิวาทะระหว่างกันเรื่องนโยบายกัญชา แต่ก็เป็นไปได้ที่ทั้งคู่จะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล เพราะเมืองมองไปที่นักการเมืองในพรรคภูมิใจไทย หลายคนที่โดดเด่นก็เคยอยู่กับพรรคไทยรักไทย ภายใต้การนำของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร (Thaksin Shinawatra) ซึ่งล่าสุด แพทองธาร ชินวัตร (Paetongtarn Shinawatra) ลูกสาวของทักษิณ ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่พรรคเพื่อไทยเสนอชื่อชิงเก้าอี้นายกฯ ในการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
“ทุกคนจะทำทุกวิถีทางเพื่อชัยชนะ แต่เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการเลือกตั้งก็จะยืนอยู่บนพื้นฐานของสิ่งที่แต่ละพรรคได้ประโยชน์สูงสุด พรรคภูมิใจไทยเคยเป็นส่วนหนึ่งของพรรคไทยรักไทยอยู่พักหนึ่ง จึงกลับมาที่เดิมได้ไม่ยาก ก็เหมือนกับแม่น้ำหลายสายที่สุดท้ายแล้วมาลงเอย ณ สถานที่เดียวกัน” ผศ.ดร.สถาพร กล่าวในตอนท้าย
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี