ย่างกุ้ง (เอเอฟพี/รอยเตอร์ส) - ยอดผู้เสียชีวิตจากพายุไซโคลนโมคาพัดถล่มเมียนมาเมื่อวันอาทิตย์ เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 200 ศพแล้ว ขณะที่ชาวบ้านกำลังเร่งเก็บกวาดความเสียหายและรอความช่วยเหลือ
พายุไซโคลนโมคา เป็นพายุลูกใหญ่ที่สุดในอ่าวเบงกอลในรอบกว่า 1 ทศวรรษ ขึ้นฝั่งด้วยความเร็วลม 195 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อช่วงสายวันอาทิตย์ บริเวณระหว่างเมืองค็อกซ์บาร์ซา ของบังกลาเทศกับรัฐยะไข่ของเมียนมา ที่บังกลาเทศนั้นมีรายงานความเสียหายไม่มาก แต่ในเมียนมา พายุไซโคลนลูกนี้สร้างความเสียหายเป็นบริเวณกว้างทั้งในรัฐยะไข่และเขตอิรวดี กลุ่มสนับสนุนประชาธิปไตยในเมียนมาเปิดเผยข้อมูลจากแหล่งข่าวในพื้นที่ว่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 200 ศพแล้ว รวมถึงผู้เสียชีวิต 13 ศพ จากเหตุอาคารวัดพังถล่มทับ ที่เหลือส่วนใหญ่เสียชีวิตเพราะบ้านเรือน สิ่งปลูกสร้างและกำแพงพังถล่มลงมาทับ แต่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นคาดว่ายอดผู้เสียชีวิตน่าจะเพิ่มขึ้นอีก
ขณะที่ชาวบ้านหลายร้อยคนที่อพยพไปหลบภัยในพื้นที่สูง เริ่มเดินทางกลับบ้านเพื่อสำรวจความเสียหาย ตามถนนหนทางในหลายหมู่บ้านของเมืองซิตตเว เมืองเอกของรัฐยะไข่ ยังเต็มไปด้วยต้นไม้ สายไฟและเสาไฟที่หักโค่น ส่วนการสื่อสารในเมืองซิตตเว ซึ่งมีประชากรประมาณ 150,000 คน ใช้การได้เป็นบางพื้นที่เท่านั้น ผู้ประสบภัยบอกว่าตอนนี้ยังแทบไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ จากรัฐบาลหรือหน่วยงานต่างๆ แม้จะมีรายงานว่า พลเอกอาวุโส มิน อ่องหล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา เพิ่งเดินทางไปตรวจเยี่ยมเมืองซิตตเวเมื่อวันจันทร์ เพื่อประเมินความเสียหาย และมอบสิ่งของบริจาคให้ผู้ประสบภัยแล้วก็ตาม
เมื่อ 15 ปีที่แล้ว ไซโคลนนาร์กิสพัดถล่มบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำอิรวดีคร่าชีวิตผู้คนไปถึง 140,000 ศพ นักวิทยาศาสตร์ระบุว่าพายุต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และจะเกิดบ่อยครั้งขึ้นซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก
บรรยายภาพ : ชาวบ้านขี่รถจักรยานยนต์ไปตามถนนที่ยังมีเศษซากความเสียหายของบ้านเรือนและเสาไฟฟ้าหักโค่น จากอิทธิพลของพายุไซโคลนโมคา ที่พัดถล่มเมียนมาเมื่อวันอาทิตย์ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุด เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 200 ศพแล้ว