เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2566 TechCrunch สำนักข่าวออนไลน์ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเน้นนำเสนอข่าวสารด้านเทคโนโลยี เสนอข่าว Robotaxi haters in San Francisco are disabling the AVs with traffic cones ระบุว่า ที่เมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ประชาชนกลุ่มที่ไม่ชอบ “แท็กซี่ไร้คนขับ” ได้ชักชวนให้นำกรวยไปวางไว้บนฝากระโปรงรถแท็กซี่ประเภทดังกล่าว หลังจากพบว่ามันสามารถปิดระบบการทำงานของแท็กซี่หุ่นยนต์ได้ โดยแรงจูงใจของการประท้วงโดยคนกลุ่มนี้เนื่องมาจากรำคาญแท็กซี่ไร้คนขับที่กีดขวางเส้นทางทำให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัด
คณะกรรมการประโยชน์สาธารณะแห่งแคลิฟอร์เนีย (CPUC) มีกำหนดการพิจารณาอนุมัติขยายการให้บริการผู้โดยสารยานพาหนะอัตโนมัติของ Cruise's และ Waymo ในซานฟรานซิสโกในวันที่ 13 ก.ค. 2566 แม้หน่วยงานนี้ไม่มีอำนาจอนุญาตให้บริษัทต่างๆ ใช้งานพาหนะไร้คนขับบนถนนสาธารณะ ซึ่งเป็นอำนาจของกระทรวงการขนส่งทางบก (Department of Motor Vehicles) แต่ยังให้อำนาจแก่บริษัทต่างๆ ในการเรียกเก็บค่าโดยสารสำหรับบริการนั้น ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการปรับขนาดแท็กซี่ไร้คนขับและการดำเนินการจัดส่งแบบอัตโนมัติอย่างยั่งยืน
ในเดือน พ.ค. 2566 CPUC ได้เผยแพร่ร่างมติที่อนุมัติการขยายตัว แม้ว่าจะมีการคัดค้านจากหน่วยงานในเมืองและผู้อยู่อาศัยก็ตาม ผู้คัดค้านมองว่ารถยนต์ไร้คนขับสร้างปัญหากีดขวางการจราจร การขนส่งสาธารณะ ไปจนถึงการทำงานของหน่วยเผชิญเหตุฉุกเฉิน และขอให้ CPUC มีท่าทีอย่างระมัดระวังโดยทำการรวบรวมข้อมูลเพื่อศกึษาเพิ่มเติม อีกทั้งควรห้ามติดตั้งแท็กซี่ไร้คนขับในตัวเมืองและในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนและจำกัดการขยายขนาดของยานพาหนะ
นอกจากกลุ่มที่รำคาญแท็กซี่ไร้คนขับกีดขวางการจราจรแล้ว ยังมีแนวร่วมการประท้วงที่สำคัญอีกกลุ่มคือ เครือข่ายคนขับแท็กซี่แห่งซานฟรานซิสโก (San Francisco Taxi Workers Alliance) และเครือข่ายแรงงานอิสระ (Alliance for Independent Workers) เนื่องจากมองว่าการมาของแท็กซี่ไร้คนขับส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบอาชีพขับแท็กซี่ ทั้งนี้ กลุ่ม Safe Street Rebel ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มการนำกรวยไปวางบนฝากระโปรงแท็กซี่ไร้คนขับ เป็นการจุดกระแสให้ชาวเมืองที่ไม่เห็นด้วยกับแท็กซี่ประเภทนี้ ช่วยกันส่งความคิดเห็นไปยัง CPUC ก่อนการพิจารณาในสัปดาห์หน้า
คลิปวีดีโอหนึ่งที่ถูกเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ บรรยายว่า บริษัทเหล่านี้สัญญาว่ารถยนต์ของพวกเขาจะลดการจราจรและการชนกัน แต่เอาเข้าจริงกลับปิดกั้นรถเมล์ รถฉุกเฉิน และการจราจรในชีวิตประจำวัน สามารถทำอันตรายกับคนและสุนัข ร่วมมือกับตำรวจบันทึกภาพทุกคนตลอดเวลาโดยไม่ได้รับความยินยอม และที่สำคัญที่สุดคือยานพาหนะประเภทนี้ต้องการถนนที่ออกแบบมาสำหรับรถยนต์ ไม่ใช่ผู้คนหรือระบบขนส่ง สิ่งเหล่านี้มีอยู่เฉพาะสำหรับบริษัทรถยนต์ที่แสวงหาผลกำไรเท่านั้นที่จะยังคงครองอำนาจอยู่ได้ และทำให้ยากต่อการขนส่งยังดำเนินอยู่
ข้อความข้างต้นอาจดูเล่นใหญ่ แต่ก็มีความจริงอยู่ไม่น้อย รถยนต์ไร้คนขับของ Cruise's และ Waymo หยุดกลางถนน กีดขวางรถฉุกเฉิน ขนส่งสาธารณะ และการจราจรทั่วไป เมื่อเร็วๆ นี้ Waymo AV ได้ชนสุนัขจนตาย แต่ดูเหมือนว่าอุบัติเหตุจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังเช่นในปี 2561 รถยนต์ไร้คนขับของ Uber ประสบอุบัติเหตุชนคนเดินถนนเสียชีวิตในรัฐแอริโซนา แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีผู้เสียชีวิตจากรถยนต์ไร้คนขับในซานฟรานซิสโก และเป็นความจริงเช่นกันเรื่องที่ว่าตำรวจได้ทาบทาม Cruise และ Waymo สำหรับขอภาพที่บันทึกได้เพื่อช่วยไขคดีอาชญากรรมจำนวนหนึ่ง ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีหลักฐานว่าทั้ง 2 บริษัทกำลังทำงานร่วมกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเพื่อบันทึกทุกคนตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ประท้วงนี้นำเสนอข้อกังวลร่วมกันเกี่ยวกับการปล่อยให้ยานพาหนะไร้คนขับวิ่งบนถนนสาธารณะ การขาดข้อมูลจากผู้คนทั่วไปที่ต้องจัดการกับยานพาหนะบนพื้นดิน ความพยายามของรัฐสภาสหรัฐฯ ในการควบคุมรถยนต์ไร้คนขับนั้นล้าหลังมาหลายปี ดังนั้นกฎระเบียบส่วนใหญ่จึงมาจากหน่วยงานของรัฐด้านการคมนาคมและขนส่ง
เดวิด ซิปเปอร์ (David Zipper) นักวิชาการรับเชิญจาก Taubman Center for State and Local Government ในสังกัดของ Harvard Kennedy School โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุว่า ตนเห็นพี่น้องสายเทคโนโลยีบางคนบิดมือด้วยความสยดสยอง ไม่มีใครคิดถึงยานพาหนะไร้คนขับเลยหรือ? ไม่สามารถที่จะไม่เห็นด้วยมากขึ้น หน่วยงานกำกับดูแลของรัฐแคลิฟอร์เนียกำลังบังคับให้ชาวซานฟรานซิสโกกลายเป็นหนูทดลองสำหรับเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับที่กำลังดำเนินการอยู่ และการประท้วงอย่างแข็งขันเป็นการตอบสนองที่สมเหตุสมผล
ในขณะที่กลุ่ม Safe Street Rebel กำลังชักชวนให้ผู้คนนำกรวยไปวางบนฝากระโปรงรถแท็กซี่ไร้คนขับ แล้วถ่ายภาพหรือคลิปวีดีโอส่งไปให้ทางกลุ่ม ซึ่งก็ไม่แน่ชัดว่ามีผู้เข้าร่วมมาก-น้อยเพียงใด เนื่องจากผู้สื่อข่าวของ TechCrunch ยังไม่สามารถติดต่อทางกลุ่มได้ แต่ฝ่าย Waymo เรียกการกระทำดังกล่าว่าเป็นการทำลายล้าง บริษัทออกแถลงการณ์ระบุว่า ไม่เพียงแต่ความเข้าใจผิดเรื่องการทำงานของรถยนต์ไร้คนขับเท่านั้น แต่ยังเป็นการก่อกวนและส่งเสริมพฤติกรรมที่ไม่ปลอดภัยและไม่สุภาพบนถนน ซึ่งบริษัทจะแจ้งให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทราบถึงการรบกวนยานพาหนะของบริษัทที่ไม่พึงประสงค์หรือไม่ปลอดภัยบนถนนสาธารณะ
ถึงกระนั้น แถลงการณ์ของ Waymo ก็ดูจะเล่นใหญ่ไม่ต่างจากฝ่ายผู้ประท้วง เพราะคำจำกัดความของการก่อกวนคือการทำให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหายโดยเจตนา เช่น ยางรถถูกกรีดหรือหน้าต่างแตก และ Waymo คงจะโชคไม่ดีหากไปโยนข้อหาก่อกวนใส่คนที่วางกรวยไว้บนฝากระโปรงหน้ารถ ขณะที่ Cruise อีกบริษัทที่ให้บริการแท็กซี่ไร้คนขับ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า บริษัทมีประวัติความปลอดภัยสูง และเมื่อเทียบกับคนขับที่เป็นมนุษย์แล้ว ระบบขับอัตโนมัติมีโอกาสชนน้อยกว่าถึงร้อยละ 73% และนั่นคือการลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ
Cruise ยังออกแถลงการณ์ที่ระบุว่า บริษัทให้บริการฟรีแก่พนักงานบริการยามดึกที่ไม่มีตัวเลือกการขนส่งที่น่าเชื่อถือกว่านี้ จัดส่งอาหารไปแล้วกว่า 2 ล้านมื้อให้กับชาวซานฟรานซิสโกที่ไม่ปลอดภัยด้านอาหาร และกู้คืนเศษอาหารจากธุรกิจในท้องถิ่น การตั้งใจกีดขวางยานพาหนะจะกีดขวางความพยายามเหล่านั้นและเสี่ยงต่อการสร้างการจราจรติดขัดให้กับคนในท้องถิ่น
รายงานข่าวทิ้งท้ายว่า แม้จะมีการประท้วงแบบจรยุทธ์ แต่ “ปฏิบัติกาวางกรวย” ก็อาจจะไม่ส่งผลต่อการตัดสินใจของ CPUC เพราะมีการสนับสนุนจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ เช่น เจ้าหน้าที่ที่ได้รับการเลือกตั้ง ผู้สนับสนุนด้านการเข้าถึง กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี และองค์กรพัฒนาธุรกิจและเศรษฐกิจ เพื่อให้ CPUC ขจัดความขัดแย้งใต้พรม และตามวาระการพิจารณาคดีที่กำลังจะมีขึ้น ดูเหมือนว่าหน่วยงานพร้อมที่จะอนุมัติการอนุญาตโปรแกรมแล้ว ดังที่ระเบียบการประชุมระบุว่า บริการที่นำเสนอของ Cruise ไม่คาดว่าจะส่งผลให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่สำคัญ ซึ่งความรู้สึกเดียวกันนี้ก็เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกสำหรับ Waymo
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี