สื่อ‘เมียนมา’เผยเมืองชายแดนติด‘ไทย’ ถูก‘จีนเทา’ยึดครองเป็นฐาน‘แก๊งคอลเซ็นเตอร์’หลอกเหยื่อทั่วโลก
14 สิงหาคม 2566 สำนักข่าว Mizzima ของเมียนมา เสนอรายงานพิเศษ Torture and terror at Chinese-run cyber scam hubs in Myanmar ว่าด้วยพื้นที่เมืองชายแดนของเมียนมาซึ่งอยู่ติดกับประเทศไทยบริเวณแม่น้ำเมย กำลังกลายเป็นแหล่งซ่องสุมขององค์กรอาชญากรรม “แก๊งคอลเซ็นเตอร์และหลอกลวงออนไลน์ (Cyber Frauds and Scams)” ที่ขับเคลื่อนด้วยผู้มีอิทธิพลชาวจีนซึ่งจับมือกับกองกำลังติดอาวุธในท้องถิ่น และพื้นที่ดังกล่าวอยู่นอกเหนือการควบคุมจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของรัฐ อีกทั้งภาคประชาสังคมและสื่อมวลชนยังยากที่จะเข้าถึง
อุตสาหกรรมการฉ้อโกงนี้มีชื่อเสียงโด่งดังเมื่อปี 2565 หลังจากมีรายงานเกี่ยวกับการค้ามนุษย์อย่างกว้างขวาง การบังคับใช้แรงงาน และการทรมานที่สม่ำเสมอปรากฏขึ้น แรงงานหลายหมื่นคนทั่วโลกถูกนำพาเข้าสู่อุตสาหกรรมนี้ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ประมาณปี 2562 และเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังการรัฐประหารของกองทัพเมียนมาในปี 2564 ซึ่งผู้สื่อข่าวได้รับการบอกเล่าเรื่องราวชะตากรรมของเหยื่อบางรายที่ออกมาบอกเล่าว่าเมื่ออยู่ที่นั่นต้องพบเจอกับอะไรบ้าง
ย้อนไปเมื่อปีที่แล้ว ช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม แม็กซ์ (Max) และ เจน (Jane) เป็นชาวฟิลิปปินส์ที่เห็นโฆษณา “งานดีรายได้สูง” ซึ่งอ้างว่าเป็นการทำงานในประเทศไทย จึงเดินทางไปที่นั่นก่อนจะเดินทางต่อเข้ามายังเมียนมา กรณีของเจน หลังจากสอบถามไปตามที่อยู่ที่ให้ไว้ในประกาศรับสมัครงาน ไม่นานก็ได้รับอีเมลตอบกลับที่ดูเหมือนจะเป็นทางการของบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกแห่งหนึ่ง และนายหน้าของเธอก็จัดการเรื่องการจองเที่ยวบินไปกรุงเทพฯ
แต่เมื่อไปถึงประเทศไทย แจนถูกพาตัวจากกรุงเทพฯ เดินทางอีกกว่า 500 กิโลเมตร ไปยัง อ.แม่สอด จ.ตาก แล้วข้ามชายแดนบริเวณแม่น้ำเมยเข้ามาในฝั่งเมียนมา ที่นั่นเป็นฐานปฏิบัติการขององค์กรอาชญากรรมที่บงการโดยชาวจีน และเธอถูกบังคับให้ร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงเหยื่อที่เป็นชาวยุโรปและอเมริกาเหนือ ขณะที่แม็กซ์ เขาเองก็ประสบชะตากรรมที่เป็นเหมือนฝันร้ายไม่ต่างกัน
มีรายงานว่าผู้ที่ถูกพาไปยังสถานที่เหล่านั้นจะถูกยึดโทรศัพท์ และสำหรับผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวออกไปนั้นโทรศัพท์ที่นำติดตัวไปด้วยจะถูกล้างข้อมูลทั้งหมดที่มีในเครื่อง ยังมีคลิปวีดีโอที่อ้างว่าเหยื่อถูกทารุณกรรมด้วยการทุบตีและช็อตไฟฟ้า ถูกใส่กุญแจมือ ปิดตา และถูกบังคับให้นอนในสภาพคับแคบ การลงโทษจะเกิดขึ้นหากไม่สามารถทำยอดได้ตามเป้าหรือพยายามขอกลับบ้าน มีบางคนถึงขั้นเสียชีวิต และยังมีรายงานที่ไม่สามารถยืนยันได้เกี่ยวกับการค้าอวัยวะจากเหยื่อที่เสียชีวิตด้วย
“เกรซ มาตา (Grace Mata) หญิงชาวเคนยาวัย 22 ปี เหยื่อค้ามนุษย์ที่ KK Park ในเขตเมียวดี ในเดือน ก.ค. 2565 จากนั้นอีก 4 เดือนต่อมา เธอล้มป่วยหนักและเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลที่ชายแดนประเทศไทยในสภาพหมดสติ ก่อนจะเสียชีวิตในอีก 2 สัปดาห์ให้หลัง ตามคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่องค์กรพัฒนาเอกชนต่อต้านการค้ามนุษย์ หญิงสาวเข้ารับการผ่าตัดที่ไม่เรียบร้อยที่โรงพยาบาลภายใน KK Park โดยอาจทำเพื่อเก็บเกี่ยวอวัยวะของเธอ” รายงานจากสื่อเมียนมา ระบุ
แม้แต่การช่วยเหลือเหยื่อเหล่านี้ก็ยังซับซ้อน เนื่องจากส่วนใหญ่เริ่มเข้ามาในประเทศไทยในฐานะนักท่องเที่ยวก่อนที่จะถูกพาตัวไปยังเมียนมา โดยจะกลับมาที่จุดเข้าประเทศหลังจากที่วีซ่าหมดอายุแล้วเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายเกินกำหนด การขึ้นทะเบียนภายใต้กลไกการส่งต่อแห่งชาติของไทยสำหรับเหยื่อค้ามนุษย์ยังส่งผลให้มีการสอบสวนที่ใช้เวลานาน เหยื่อส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะกลับบ้านโดยไม่ยื่นเรื่องร้องเรียนอย่างเป็นทางการ ทางหนีที่เป็นไปได้มากที่สุดสำหรับพวกเขามักจะเกี่ยวข้องกับการจ่ายค่าไถ่ตัวและยอมรับสภาพหนี้ในภายหลัง
บริษัทที่เจนและแม็กซ์ทำงาน ให้นั้นเป็นหนึ่งในจำนวนมากกว่าหนึ่งโหลที่เจริญรุ่งเรืองตามแนวยาว 40 กิโลเมตรของแม่น้ำเมยในเมืองเมียวดี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายการหลอกลวงที่นำโดยชาวจีน ตัวอย่างเช่น สถานที่ที่เรียกว่า “Family Park” ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำเมยในเมียวดี มีรายงานว่าเป็นฐานปฏิบัติการสำหรับสิ่งที่เรียกอย่างสละสลวยว่า “บริษัทการพนันออนไลน์ของจีน” จากคำบอกเล่าของชายชาวอินโดนีเซีย 3 คนซึ่งติดอยู่ที่นั่นนาน 5 เดือน ระบุว่า บริเวณดังกล่าวมีคนที่ทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 2,000 คน
แต่ Family Park ก็ยังเป็นเพียงผู้เล่นรายเล็กๆ ในเครือข่ายศูนย์หลอกลวงของเมืองเมียวดี ถัดไปทางด้านล่างคือ KK Park Zone คอมเพล็กซ์สองส่วนที่ฉาวโฉ่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วตั้งแต่ปลายปี 2562 ในอาคาร 4 ชั้นใน KK I ที่เจนและแม็กซ์เคยทำงานอยู่ ทีมงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่นั่นมีอย่างน้อย 300 เคน แบ่งเป็งทีมย่อยชุดละ 15 คน ทำงานกะละ 12-14 ชั่วโมงเพื่อบรรลุเป้าหมาย 25,000 เหรียญสหรัฐ (ราว 8.7 แสนบาท) ต่อวัน เจนกล่าวว่าโดยทั่วไปแล้วทีมงานจะมีส่วนร่วมในการหลอกลวง โดยมีศัพท์เรียกว่า “เชือดหมู (Pig Butchering)” เริ่มจากกลยุทธ์แสร้งให้รักแล้วจึงหลอกล่อให้เหยื่อจ่ายเงินลงทุนที่ฉ้อฉล
ด้านทิศเหนือของลำน้ำห่างไปประมาณ 25 กิโลเมตร ยังเป็นที่ตั้งของเมืองชเวก๊กโก ซึ่งอยู่ในควบคุมของกองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยง ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของกองทัพเมียนมา ในอดีตชเวก๊กโกเป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆ แต่ได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดตั้งแต่ต้นปี 2560 เมื่อโครงการพัฒนาขนาดใหญ่นำโดย Yatai International Holdings Group ซึ่งจดทะเบียนในฮ่องกงและ Chit Linn Myaing Co Ltd ซึ่งเป็นบริษัทผู้ถือหุ้นของ Border Guards ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม Yatai IHG ได้ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับ KK Park
อุตสาหกรรมการหลอกลวงมีมูลค่านับพันล้านและเหยื่อนับไม่ถ้วนได้ตกหลุมพรางนี้ โดยมาจากมาเลเซีย ไต้หวัน อินโดนีเซีย อินเดีย เคนยา และเนปาล ซึ่ง เจสัน ทาวเวอร์ (Jason Tower) ผู้อำนวยการประจำประเทศเมียนมาของสถาบันสันติภาพแห่งสหรัฐอเมริกา กล่าวถึงอุตสาหกรรมที่มีความรุนแรงและผิดกฎหมายนี้ว่าเป็น “การหลอกลวงของสหประชาชาติ” เนื่องจากเหยื่อถูกล่อลวงมาหลากหลายประเทศ ซึ่งคาดว่ามีอย่างน้อย 20,000 คนติดอยู่ในชเวก๊กโก และ KK Park
ด้วยพื้นที่ดังกล่าวอีก 17 แห่งที่กระจายอยู่ตามแม่น้ำ แต่ละแห่งสามารถรองรับผู้คนได้ไม่กี่พันคน จำนวนคนที่ติดอยู่ในปฏิบัติการหลอกลวงเหล่านี้จึงเป็นเรื่องยากที่จะประเมินได้ หลายแห่งกำลังเผชิญกับการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เพิ่มขึ้น แต่อีกหลายแห่งก็ยังคงไม่มีใครสังเกตเห็นเป็นส่วนใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้น เหยื่อมักจะไม่รู้ตำแหน่งที่แท้จริงจนกว่าจะสายเกินไป ทำให้ยากต่อการหลบหนีจากแก๊งอาชญากรและกองกำลังติดอาวุธที่สมรู้ร่วมคิด
ตัวอย่างเช่น เขตตงเหมย แต่เดิมชื่อโครงการเขตอุตสาหกรรมไซซีกัง พื้นที่ดังกล่าวเป็นเจ้าของโดยแก๊งมาเฟียจากมาเก๊า ซึ่งหัวหน้าแก๊งคือ หวัน ค็อกคอย (Wan Kuok Koi ) หรือที่รู้จักกันในนาม “ไอ้ฟันหลอ (Broken Tooth)” ซึ่งถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาเล่นการพนันอย่างผิดกฎหมายในปี 2542 และรับโทษจำคุก 14 ปี อีกทั้งยังมีสถานที่ที่เรียกว่า “ประตู 25” ซึ่งอยู่ทางเหนือของเมืองเมียวดี ปัจจุบันยังไม่ทราบชื่อที่แท้จริงของสถานที่ดังกล่าว
ขณะนี้แรงกดดันจากนานาชาติกำลังเพิ่มสูงขึ้นเพื่อจัดการกับปฏิบัติการหลอกลวงเหล่านี้ อาทิ ในเดือน มิ.ย. 2566 องค์การตำรวจสากล (Interpol) ออกคำเตือนทั่วโลกเกี่ยวกับการฉ้อฉลที่เกิดจากการค้ามนุษย์ ขณะที่รายงานการค้ามนุษย์ประจำปี 2566 ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ก็เน้นย้ำถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของประเทศไทยในฐานะทางผ่านสำหรับการค้ามนุษย์ไปยังเมียนมาสำหรับกิจกรรมการหลอกลวงทางอินเตอร์เน็ต
ในเดือน พ.ค. 2566 ฉินกัง (Qin Gang) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีนในขณะนั้น เรียกร้องให้เมียนมาปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์ในพื้นที่ชายแดน ขณะที่ในเดือน มิ.ย. 2566 ไทยได้ตัดกระแสไฟฟ้าไปยังพื้นที่ต่างๆ รวมทั้งชเวก๊กโกและ KK Park แต่จนกว่าจะมีการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม การฉ้อฉลจะยังคงแพร่กระจายออกจากเมียนมา เนื่องจากกลุ่มคนหนุ่มสาวจากทั่วโลกยังคงเดินทางข้ามแม่น้ำเมย
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี