16 สิงหาคม 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ลาว เมียนมา และไทย จัดการหารืออย่างไม่เป็นทางการที่เมืองอันหนิง มณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (15 ส.ค.) โดยทุกฝ่ายให้คำมั่นช่วยรักษาเสถียรภาพของเมียนมา และร่วมปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดน

'หวัง อี้'  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและกรรมการกรมเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ระบุว่านับตั้งแต่การประชุมสี่ฝ่ายครั้งแรกเมื่อปี 2024 สถานการณ์ในเมียนมาโดยรวมมีเสถียรภาพมากขึ้น และอยู่ระหว่างเดินหน้างานฟื้นฟูหลังแผ่นดินไหว รวมทั้งปกป้องอำนาจอธิปไตย เอกราช และเสถียรภาพของชาติ

หวังอี้ เรียกร้องการยึดมั่นแนวทางที่เมียนมาเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงด้วยตัวเอง สนับสนุนทางเลือกของประชาชนชาวเมียนมา และแก้ไขความแตกต่างผ่านการเจรจา ย้ำถึงความสำคัญของการไกล่เกลี่ยโดยอาเซียนและความช่วยเหลือจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีอาเซียนเป็นช่องทางหลัก และให้ความสำคัญอย่างเต็มที่กับกลไกต่างๆ เช่น การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอย่างไม่เป็นทางการและการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านของเมียนมา

ขณะเดียวกัน 'หวัง อี้'  เรียกร้องการให้ความสำคัญกับการดำรงชีวิตของประชาชนและการพัฒนา สนับสนุนเมียนมาในการปรับปรุงความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนและการฟื้นฟูหลังแผ่นดินไหว อีกทั้งส่งเสริมความร่วมมือในด้านต่างๆ เพื่อประโยชน์ของประชาชน พร้อมเตือนถึงแรงกดดันจากภายนอกที่อาจบ่อนทำลายเสถียรภาพในภูมิภาค

ด้านอู ตาน ส่วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเมียนมา ขอบคุณการสนับสนุนจากจีน ลาว และไทยในการจัดการกับความท้าทาย และย้ำถึงความมุ่งมั่นของเมียนมาที่จะเดินหน้ากระบวนการสันติภาพและความปรองดองภายในประเทศผ่านการเจรจาทางการเมือง โดยเมียนมากำลังเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งที่โปร่งใสภายในสิ้นปีนี้ เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน

ทองสะหวัน พมวิหาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศลาว ระบุว่าลาวสนับสนุนกระบวนการทางการเมืองและการเลือกตั้งที่เมียนมาเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงด้วยตัวเอง เพื่อบรรลุสันติภาพ เสถียรภาพ และความปรองดองของชาติ

ขณะที่มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย กล่าวว่าไทยยินดีร่วมมือกับประเทศอาเซียนแห่งอื่นๆ เพื่อสนับสนุนและช่วยเหลือเมียนมาในการจัดการเลือกตั้งบนหลักการไม่แทรกแซงกิจการภายใน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศทั้งสี่ยังได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับความพยายามร่วมกันในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดน 

'หวัง อี้' ย้ำว่าการปราบปรามอาชญากรรมดังกล่าวเกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน ถือเป็นข้อกังวลร่วมกันของทั้งสี่ประเทศ และจำเป็นต้องอาศัยการดำเนินการที่สอดประสานกัน พร้อมเรียกร้องการเสริมแกร่งการจัดตั้งสถาบัน การออกปฏิบัติการร่วมกันและการควบคุมชายแดน เสริมสร้างศักยภาพและการประสานงานด้านตุลาการ รวมถึงเสริมสร้างการพัฒนาเชิงเปลี่ยนผ่านและธรรมาภิบาลทางสังคม

โดยทุกฝ่ายเห็นพ้องที่จะกระชับความร่วมมือการบังคับใช้กฎหมาย ยกระดับปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดน เช่น การพนันออนไลน์ การฉ้อโกงโทรคมนาคม การค้ายาเสพติดและอาวุธ และการค้ามนุษย์ ตลอดจนร่วมปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค