‘ฮุน มาเนต’ลั่น! ‘กัมพูชา’ต้องเป็นประเทศกำลังพัฒนารายได้สูงให้ได้ภายในปี’73
25 ส.ค. 2566 สำนักข่าว Radio Free Asia องค์กรสื่อซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา เสนอข่าว Hun Manet aims to turn Cambodia into upper middle-income country by 2030 ระบุว่า ฮุน มาเนต (Hun Manet) นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของกัมพูชา ประกาศจะทำให้กัมพูชากลายเป็นประเทศกำลังพัฒนาระดับรายได้สูงภายในปี 2573 และเป็นประเทศพัฒนาแล้วภายในปี 2593
คำกล่าวของฮุน มาเนต ข้างต้น เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2566 ในการนัดประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งแรกหลังเข้ารับตำแหน่งต่อจาก ฮุน เซน (Hun Sen) ผู้เป็นบิดา เมื่อช่วงต้นสัปดาห์นี้ โดยฮุน มาเนต วัย 45 ปี ขยายความต่อว่า แก่นของยุทธศาสตร์คือการมุ่งเน้นไปที่การปกครองและปรับปรุงหน่วยงานของรัฐให้ทันสมัย เพื่อยกระดับสู่การบริหารงานสาธารณะที่ทันสมัย ซึ่งในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ความยาว 22 หน้ากระดาษ เขากล่าวว่า จะมุ่งเพิ่มการจ้างงาน ลดความยากจน และส่งเสริมธรรมาภิบาล ขณะเดียวกันก็รักษาสันติภาพและเสถียรภาพทางการเมือง
ทั้งนี้ สำหรับการเป็นประเทศกำลังพัฒนาระดับรายได้สูง ตามเกณฑ์ของธนาคารโลก (World Bank) ระบุว่า ประชากรควรมีรายได้ต่อหัวอยู่ที่ 4,256-13,205 หรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.5-4.6 แสนบาท ขณะที่ประเทศพัฒนาแล้ว รายได้ประชากรต่อหัวจะมากกว่า 13,205 เหรียญสหรัฐ หรือมากกว่า 4.6 แสนบาท แต่ ณ ปี 2565 ชาวกัมพูชา ยังมีรายได้ต่อหัวเพียง 1,700 เหรียญสหรัฐ หรือราว 5.9 หมื่นบาทเท่านั้น
แต่อีกด้านหนึ่ง Um Sam An สมาชิกอาวุโสของพรรค CNRP ซึ่งเป็นพรรคการเมืองฝั่งตรงข้ามกับพรรค CPP ของฮุน เซน และฮุน มาเนต ไม่เชื่อว่านายกฯ คนใหม่จะนำพากัมพูชาไปสู่จุดนั้นได้ เนื่องจากปัญหาคอร์รัปชั่นและระบบอุปถัมภ์นั้นฝังลึกแล้วในสังคมกัมพูชา ดังนั้น ฮุน มาเนต ย่อมต้องเลือกผลประโยชน์ของครอบครัวและพวกพ้องก่อน สถานการณ์แบบนี้เหมือนกัมพูชากำลังป่วยเป็นมะเร็ง และฮุน มาเนต ไม่สามารถกำจัดระบบอุปถัมภ์เพื่อให้เกิดการปฎิรูปประเทศได้ ทั้งนี้ ปัจจุบันพรรค CNRP ถูกแบนจากการเมืองกัมพูชา
Vorn Chan Lout ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย กล่าวว่า ทางออกของเรื่องนี้คือกัมพูชาต้องกลับมาเปิดกว้างทางการเมืองอีกครั้ง เคารพหลักสิทธิมนุษยชน รวมถึงส่งเสริมบทบาทของภาคประชาสังคม (NGO) ทั้งในท้องถิ่นและระดับนานาชาติ อีกทั้งต้องยุตินโยบายใช้กลไกทางกฎหมายจัดการกับฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง โดยสรุปแล้วองค์ประกอบหลักก็คือการฟื้นฟูหลักนิติธรรม
ในช่วง 1 ปีก่อนการเลือกตั้งวันที่ 23 ก.ค. 2566 พรรคแสงเทียน ซึ่งเป็นคู่แข่งของพรรค CPP ต้องเผชิญกับการถูกคุกคาม โดยเฉพาะสมาชิกพรรคซึ่งถูกจับกุมดำเนินคดี และพรรคก็ถูกห้ามลงเลือกตั้งเพราะหน่วยงานกำกับดูแลการเลือกตั้งอ้างว่าเอกสารการสมัครไม่ครบถ้วน ทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นการใช้ดุลดินิจที่มีแรงจูงใจทางการเมือง โดยผลการเลือกตั้งนั้น พรรค CPP ได้ที่นั่งสมาชิกรัฐสภาแบบขาดลอย 120 ที่นั่ง
ขอบคุณเรื่องจาก rfa.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี